(ชมคลิป)รองปลัดสำนักนายกฯลงพื้นที่นครพนม ติดตามความคืบหน้าแก้ปัญหาที่สาธารณะประโยชน์ที่สมัชชาคนจนร้องเรียน


วันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 ที่จังหวัดนครพนม นายสุรศักดิ์ เรืองเครือ รองปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวสุธีร์ ญาณชโลทร ผู้ตรวจราชการกรมที่ดิน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของสมัชชาคนจน กรณีการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์โคกภูกระแต-บ้านไผ่ล้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม กรณีการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ดงคัดเค้า ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม และกรณีเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างโครงการถนนเชื่อมศูนย์อากาศยาน – ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) อำเภอท่าอุเทน โดยมีนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและชี้แจงผลการดำเนินงาน
โดยที่สาธารณประโยชน์โคกภูกระแต – บ้านไผ่ล้อม ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์ไว้ 6,000 ไร่ เมื่อปี 2483 ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2519 นายอำเภอเมืองนครพนม ได้ยื่นคำขอรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง โดยดำเนินการรังวัดได้เนื้อที่ 2932 – 2 – 47 ไร่ และได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ 7941 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2521 ซึ่งพื้นที่บางส่วนได้กันเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนมและเป็นพื้นที่รองรับการดำเนินการ โดยกลุ่มสมัชชาคนจนได้เรียกร้องว่าการรังวัดมีความคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องทับที่ราษฎร และมีผู้ฟ้องคดีต่อศาล แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่พักสงฆ์และคณะ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของศาลปกครองสุงสุด จำนวน 3 คดี และกลุ่มสมัชชาคนจนที่ปัจจุบันคดีถึงที่สุดแล้ว โดยศาลจังหวัดนครพนมพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทรธ์ภาค 4 พิพากษายืน ซึ่งที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนมมีมติให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมจัดเตรียมข้อมูลเพื่อเสนอรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อไป
สวนกรณีที่สาธารณประโยชน์ดงคัดเค้า ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ใช้เป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง จำนวน 3 แปลง คือเลขที่ 0824 ตำบลนาหนาด(อุ่มเหม้า) เลขที่ 33620 ตำบลพุ่มแก เลขที่ 33621 ตำบลพุ่มแก โดยสมัชชาคนจนได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกถอนหนังสือสำคัญ ทั้ง 3 ฉบับ และออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ราษฎรและในระหว่างการแก้ไขปัญหาขอให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทจนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหานั้นจังหวัดนครพนมได้ให้มีการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่สาธารณะประโยชน์ให้มีความชัดเจนและตรวจสอบข้อเท็จจริงพื้นที่เนื่องจากเป็นปัญหาพื้นที่เรื้อรังมานานและประชาชนมีความเห็นต่างในการนำที่ดินไปจัดให้กับผู้บุกรุกเพื่อประกอบการพิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไป ทั้งนี้จังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและตัวแทนสมัชชาคนจนจำนวน 8 ราย โดยมีมติให้สำนักงานที่ดินพื้นที่สรุปความเป็นมาการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง พร้อมทั้งจัดทำประมาณค่าใช้จ่ายในการขอรังวัดตรวจสอบหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงทั้ง 3 แปลง เพื่อของบประมาณจากทางราชการในการรังวัดเพื่อทราบแนวเขตที่ชัดเจน พร้อมทั้งแสดงตำแหน่งและรายชื่อผู้บุกรุกที่แท้จริง รวมทั้งตั้งคณะทำงานย่อยในพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนต่างๆในพื้นที่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ
และกรณีเวนคืนที่ดินเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน – ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดนบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 ที่เชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 212 อำเภอท่าอุเทน แขวงทางหลวงชนบทนครพนมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โครงการดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 136 ตอนที่ 44 ลงวันที่ 4 เมษายน 2562 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 6 เมษายน 2562 และยังไม่มีกำหนดราคาจำนวนเงินค่าทดแทน ค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ จัดสรรงบประมาณ ขั้นตอนการทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืน พ.ศ. 2560 ทั้งนี้กรมทางหลวงได้แจ้งว่าจะจ่ายค่าชดเชยผลอาสินและสิ่งปลูกสร้างแก่ราษฎรในพื้นที่โครงการ แต่ไม่สามารถจ่ายค่าเวนคืนที่ดินได้เนื่องจากไม่มีหนังสือเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน