กาฬสินธุ์(ชมคลิป)แฉสาวแสบแก๊งตุ๋นเดินสายหลอกซื้อรถเหยื่อเสียเงินผ่อนกุญแจขึ้นศาลครึ่งล้าน


ชาวบ้านผู้เสียหายหลายจังหวัดในภาคอีสาน เดินสายร้องขอความเป็นธรรมหน่วยงานยุติธรรม และวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับสาวแสบพร้อมพวก แก๊งตุ๋นหลอกซื้อรถ หลังแจ้งความและมีหมายจับในหลายท้องที่ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ แต่ยังหลบหนีลอยนวล เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อน ทั้งถูกไฟแนนซ์ฟ้องและเสียเงินจ้างทนาย เหมือนรับกรรมผ่อนจ่ายค่ากุญแจรถกว่า 5 แสนบาท
จากกรณีชาวบ้านจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน ในนามตัวแทน “กลุ่มคนรถหาย” ตบเท้าสอบถามความคืบหน้าและแจ้งความเพิ่ม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับสาวแสบแก๊งตุ๋นหลอกซื้อรถ หลังติดต่อหลอกเซ็นต์สัญญาซื้อรถไถนาและรถกระบะทางเฟซบุ๊ก วางเงินมัดจำแล้วหนีลอยนวล สูญเสียนับ 10 ล้านบาท เผยประวัติมีหมายจับกว่า 10 หมายในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคอีสานและยังมีเหยื่ออีกมาก แต่ยังหลบหนีลอยนวล คาดทำเป็นขบวนการ และมีคนมีสีอยู่เบื้องหลัง ร้องสื่อช่วยหาเบาะแส ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว นำโดยนายเนตรนริน มีมั่น อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 191 หมู่ 2 ต.แก้งไก่ อ.สังคม จ.หนองคาย นายสารยศ โมมะเกลือ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 10หมู่ 4 ต.ในเมือง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น และนายสมรัก วรรณโสภา อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 159 หมู่ 6 ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ยังรวมตัวและรวบรวมเอกสาร เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความตามจับนาง พ. (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี พร้อมพวก 3 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ต.อุ่มเม่า เขตท้องที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หลังมีพฤติกรรมติดต่อซื้อรถทางเฟซบุ๊ก หลอกให้มีการเซ็นต์สัญญาผู้เช่าซื้อ วางเงินมัดจำ ที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถหลายจังหวัด ก่อนเชิดรถหนีหายลอยนวล โดยเหตุการณ์เกิดตั้งแต่ปี 2560-2562 เป็นต้นมา
ขณะเดียวกัน นางไสว กล้าขยัน อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 12 หมู่ 10 บ้านสีถาน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ได้นำเอกสาร ประกอบด้วยหนังสือสัญญาซื้อขาย เอกสารประจำรถ สำเนาทะเบียนบ้าน และภาพถ่าย ของนาง พ. พร้อมพวก เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด เพื่อขอให้ออกหมายจับนาง พ.พร้อมพวก ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์
นางไสวกล่าวว่า ในส่วนการทำสัญญาซื้อขายหรือเปลี่ยนมือผู้ครอบครองรถของตนกับนางพ.นั้น เป็นรถแทรกเตอร์ เหลือค่างวดกับไฟแนนซ์ประมาณ 390,000 บาท เบื้องต้นมีนายหน้าผู้ชายอ้างว่ามาจาก จ.ขอนแก่น เข้ามาติดต่อขอซื้อรถกับตน และจะทำสัญญารับช่วงจ่ายค่างวดต่อ ก่อนที่จะตกลงราคากันได้ที่ 100,000 บาท จากนั้นนัดทำสัญญาซื้อขายกันที่บ้าน เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2560 มีนางพ.เป็นคู่สัญญากับนายลิน กล้าขยัน ซึ่งเป็นสามีของตน แต่ในวันทำสัญญาดังกล่าว นางพ.ได้ให้เงินมัดจำไว้ 50,000 บาท โดยขอต่อรองว่าส่วนที่เหลืออีก 50,000 บาทนั้น จะนำมาชำระให้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2560
นางไสวกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตนก็ได้รับหนังสือเตือนให้ชำระงวดรถจากไฟแนนซ์ โดยระบุว่าค้างค่างวด จึงโทรสอบถามนางพ.แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งถึงวันนัดจ่ายอีก 50,000 บาท ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้ว่าถูกนาง พ.และพวกหลอกซื้อรถ จากนั้นเข้าแจ้งความที่ สภ.กมลาไสย แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้ง อ้างว่าเป็นคดีแพ่ง ต้องไปฟ้องร้องกันเอาเอง ตนไม่รู้จะทำยังไง ต้องกู้เงินรายวันมาจ้างทนายความยื่นฟ้องนาง พ. และแก้ต่างให้กับตัวเองที่ถูกไฟแนนซ์ฟ้อง โดยศาลสั่งให้ตนชำระค่างวดและค่าปรับประมาณ 400,000 บาท รวมทั้งค่าจ้างทนายและรายจ่ายอื่นๆรวมแล้วสูญเงินไปกับเรื่องนี้แล้วกว่า 5 แสนบาท ทำให้ตนและสามีเดือดร้อน เป็นทุกข์ใจอย่างมาก เพราะไม่รู้จะติดตามตัวนางพ.ที่ไหน หายทั้งคนทั้งรถ และถูกไฟแนนซ์ฟ้องและเสียเงินจ้างทนาย จ่ายค่ากุญแจรถหลายแสนบาทดังกล่าว
นางไสวกล่าวเพิ่มเติมว่า พอทราบว่ากลุ่มคนรถหายจากหลายจังหวัด ที่ประสบปัญหาเดียวกันคือถูกนางพ.พร้อมพวกหลอกซื้อรถ เข้ามาติดตามความคืบหน้าและแจ้งความตามจับนางพ.ที่ สภ.ยางตลาด จึงได้เดินทางมาร้องทุกข์และแจ้งความเพิ่ม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็รวมตัวกันไปร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์แล้ว ก่อนที่จะมาแจ้งความครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนรถหายที่ตกเป็นเหยื่อขายรถไถและรถยนต์ส่วนบุคคลให้นางพ. พร้อมพวกนั้น เรียกร้องเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวนางพ.พร้อมพวกมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เกรงกลัวกฎหมาย มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อได้รับความเดือดร้อน เสียทรัพย์ และขึ้นศาล ทั้งยังต้องรับผิชอบค่างวดรถอีกด้วย ขณะที่นางพ.พร้อมพวกยังย่ามใจ ตะเวนหลอกซื้อรถในพื้นที่หลายจังหวัด ทั้งในเขตภาคเหนือและอีสาน มีหมายจับจากหลายท้องที่ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้เลย