ขอนแก่น(ชมคลิป)เกษตรกรชาวอำเภอหนองสองห้อง ร้องสื่อวางเงินมัดจำกว่า 1 แสนบาท ทำสัญญาจะซื้อจะขายรถอีแต๋นใกล้ครบ 2 ปี แต่อู่รถบ่ายเบี่ยงไม่ยอมส่งมอบรถ

เกษตรกรชาวอำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น ร้องสื่อ วางเงินมัดจำกว่า 1 แสนบาท ทำสัญญาจะซื้อจะขายรถอีแต๋นใกล้ครบ 2 ปี แต่อู่รถบ่ายเบี่ยงไม่ยอมส่งมอบรถ แถมไม่ยอมคืนเงินมัดจำ

       วันที่ 24 สิงหาคม 2563 นายวิลัย บุญเพ็ง อายุ 54 ปี เกษตรกรชาวบ้านดอนแดง ตำบลสำโรง อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น ร้องเรียนกับทีมข่าวให้ช่วยเป็นสื่อกลางหาช่องทางในการติดตามเงิน 1 แสน 3 หมื่นบาทคืน หลังต้องกู้หนี้ยืมสินนำไปวางเป็นค่ามัดจำ ทำสัญญาจะซื้อจะขาย ว่าจ้างให้อู่รถยนต์เพื่อการเกษตรแห้งหนึ่ง ตั้งอยู่ในอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ประกอบรถอีแต๋นให้ในราคา 2 แสน 3 หมื่นบาท ในสัญญานัดมอบรถวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ทางวาจา เจ้าของอู่ อ้างว่า จะส่งมอบภายใน 10 วัน แต่จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 1 ปี 8 เดือน กลับไม่ได้ทั้งรถและเงินมัดจำคืน

        นายวิลัย กล่าวว่า ตนยังทำใจไม่ได้ ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน เคยถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย ตนไปทวงถามติดตามถึงอู่กว่า 10 ครั้ง แต่ละครั้งต้องเสียเงินค่าจ้างรถกว่า 1 พันบาท แต่เจ้าของอู่ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด อ้างว่า กำลังประกอบ เมื่อไปถามครั้งใหม่ ก็พบว่า ไม่ใช่คันเดิมจึงจับ ผิดได้ว่า พูดโกหก เคยอ้างด้วยว่า เอารถอีแต๋นขึ้นรถบรรทุกเดินทางไปส่งแล้ว แต่เกิดอุบัติเหตุ รถอีแต๋นเสียหาย ตนขอดูรถ ก็บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมพาไปดู ช่วงที่ตนจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกมันสำปะหลัง ตนเจรจาให้เจ้าของอู่หารถสำรองมาให้ตนใช้ 3 เดือน มาทราบภายหลังว่า แอบนำรถอีแต๋นของลูกค้าคนอื่นมาให้ จนเจ้าของมาติดตามรถถึงบ้านช่วงต้นปีที่ผ่านมา ลูกสาวพาพ่อและแม่ไปทวงรถ ทวงเงินที่อู่อีกครั้ง พบทั้งเจ้าของอู่ภรรยา อ้างว่า จะหาทางกู้เงินมาคืนให้ บางช่วงมีการถกเถียงกันอย่างรุนแรง เจ้าของอู่พูดท้าทายด้วยว่า ต่อให้ไปฟ้องนักข่าว และตำรวจก็ไม่กลัว

        นายวิลัย กล่าวด้วยว่า ตนต้องการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของอู่ แต่ตำรวจบอกว่าเป็นเรื่องทางแพ่ง ให้ไปตกลงกันเอง จึงทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 3 กรกฎาคม 2562 เจ้าของอู่และภรรยาตกลงว่า จะนำรถส่งมอบในวันที่ 3 สิงหาคม 2562 หากผิดสัญญา จะยินยอมคืนเงินมัดจำ 1 แสน 3 หมื่นบาท ครั้งที่ 2 ลงบันทึกประจำวัน 28 เมษายน 2563 เจ้าของอู่ทั้ง 2 คน บอกว่า จะส่งมอบรถภายในเดือนกรกฎาคม 2563 แต่ก็ไม่ สามารถทำตามข้อตกลงได้เป็นครั้งที่ 2

จากนั้นข่าวได้ให้นายวิลัย โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้า แต่ก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่า ใกล้เสร็จแล้ว ได้รถแน่นอน แต่ไม่ระบุเวลาชัดเจน ทั้งนี้ในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย มีข้อความระบุว่า หากไม่ได้รับรถภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2561 ยินยอมให้ผู้ซื้อปรับวันละ 500 บาท จนกว่าจะได้รับรถ ซึ่งถ้าคิดตามจำนวนวันที่ผิดสัญญา ผู้ขายต้องจ่ายเงินกว่า 3 แสนบาท ซึ่งค่าปรับแพงแซงหน้ามูลค่ารถเรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายหวังพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวัน พอทางอู่ไม่ทำตามข้อตกลง ก็ไม่มีสภาพบังคับ เคยเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าเช่นกัน จึงหวังพึ่งสื่อมวลชนให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้.