ขอนแก่น – ‘มาเด้อ..ขวัญเอย’ มข.รับน้องสร้างสรรค์ฉลอง 60 ปี “โฮมมั่นขวัญแก่น ผูกแขนนักศึกษาใหม่”



มาเด้อขวัญเอ้ยมหาวิทยาลัยขอนแก่นรับน้องสร้างสรรค์ ฉลอง 60 ปีแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาเพื่อสังคม จัดกิจกรรม “โฮมมั่นขวัญแก่น ผูกแขนนักศึกษาใหม่” ชูประเพณีอีสาน ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผูกเสี่ยวต้อนรับน้องใหม่ พร้อมชวนล้อมวง กินข้าวพาแลง เสริมสร้างความสัมพันธ์รุ่นพี่-รุ่นน้อง และมิตรภาพเพื่อนใหม่ในรั้วสีอิฐ

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดกิจกรรม “โฮมมั่นขวัญแก่น ผูกแขนนักศึกษาใหม่” ต้อนรับนักศึกษาใหม่ประจำปี 2566 ณ สนามกีฬา 50 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี รศ.เพียรศักดิ์ ภักดีรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ เป็นประธานในพิธี

สำหรับกิจกรรมในวันนี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่นจากรอยยิ้มของรุ่นพี่ที่คอยต้อนรับนักศึกษาใหม่ตั้งแต่เวลา 15.00 น. โดยปีนี้มีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทางออนไลน์กว่า 5,000 คน ท่ามกลางการจัดเตรียมพิธีตามขนบธรรมเนียมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานอย่างพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งก่อนพิธีการจะเริ่มขึ้น ทุกคนได้ร่วมกัน “กินข้าวพาแลง” หรือการล้อมวงรับประทานอาหารเย็นร่วมกันตามวิถีอีสาน เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับเพื่อนใหม่กลายเป็นมิตรภาพที่ยั่งยืนในอนาคต

เวลา 18.00 น. ขบวนแห่ฟ้อนบายศรีสู่ขวัญนำโดยทีมผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น คณบดี คณาจารย์ และตัวแทนนักศึกษาจากคณะต่าง ๆ เคลื่อนเข้าสู่บริเวณพิธีอย่างตระการตาฉลอง 60 ปีแห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาเพื่อสังคม โดย รศ.เพียรศักดิ์ ภักดีรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์กล่าวเปิดงานระบุว่าในนามมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอแสดงความยินดีกับก้าวแรกแห่งความสำเร็จ และขอต้อนรับกาลพฤกษ์ช่อที่ 60 เข้าสู่รั้วมอดินแดง สถาบันอันทรงเกียรติ และสถาบันระดับอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคอีสาน

ในวันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญในกิจกรรม “โฮมมั่นขวัญแก่น ผูกแขนนักศึกษาใหม่” ตามขนบธรรมเนียมประเพณีอีสาน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนเกิดมาพร้อมขวัญ พิธีบายศรีในวันนี้จะช่วยเพิ่มและส่งเสริมกำลังใจให้นักศึกษามีสติ และเสริมสร้างกำลังใจ ถือเป็นการต้อนรับตามพิธีอีสานบ้านเฮา
ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ทุกคน ขอให้ขวัญน้อง และขวัญพี่มามั่นขวัญแก่น ประสบแต่สุขสวัสดิ์มีสติ และกำลังใจในการเรียนรู้ ก่อให้เกิดทั้งจริยาและปัญญา”