จากกรณีนายจตุพล ไชยคำจันทร์ อายุ 37 ปี ถูกฟันคำหวิดขาด นอนตายอยู่หน้าบ้านเลขที่ 270 หมู่ 3 ต.สร้างแป้น อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของนางพิกุล ลี้วลัน อายุ 51 ปี และ นายวรชัย วุฒิวงค์ อายุ 50 ปี สามีภรรยา โดยพบมีดพร้ามีคาบเลือดและเส้นผม ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์นางพิกุล ซึ่งและนายสมหมาย หารินทชาติ อายุ 43 ปี เพื่อนบ้าน มาที่เกิดเหตุและเห็นนางพิกุลทำร้ายผู้ตาย ก่อนเป็นศพ แต่ไม่มีใครรับสารภาพเป็นฆาตกร จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมีดพร้า และรถยนต์ไปโรงพักทำการสอบสวน เหตุเกิดคืนวันที่ 21 พฤศจิกายน ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เวลา 09.00 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ณัฐวัฒน์ วงษ์สนิทธีรา รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ยุทธศิลป์ นามแสง รอง ผกก.ป.สภ.เพ็ญ พ.ต.ท.ไพฑูรย์ โสนะโชติ สว.สส.สภ.เพ็ญ ร.ต.อ.อดุลยชัย ขาวขำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เพ็ญ แยกสอบปากคำนางพิกุล นายวรชัย และนายสมหมาย แต่ทั้ง 3 คนยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้ฆ่านายจตุพล และไม่รู้ว่าใครฆ่า ตำรวจจึงควบคุมตัวนายวรชัย ไปจำลองเหตุการณ์จุดเกิดเหตุ
โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านสวนชั้นเดียว 2 หลัง แต่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ มีหอแท๊งก์น้ำประปา นายวรชัย ให้การว่า เช้าวันที่ 21 พฤศจิกายน ตนผู้ตายมาดื่มเหล้าอยู่ในบ้าน ส่วนนางพิกุลไม่ดื่มเหล้า ต่อมามีนายสมหมาย เดินมาซื้อยาบ้ากับนางพิกุล 2 เม็ด แล้วแบ่งกับผู้ตายคนละเม็ด และนั่งดื่มเหล้ากับพวกตนรวมเป็น 3 คน ไม่นานนายสมหมายก็กลับบ้านไป กระทั่งค่ำผู้ตายกับตนนั่งดื่มเหล้าด้วยกัน 2 คน ส่วนนางพิกุลนอนอยู่บนหอแท๊งก์น้ำประปา สักพักนางพิกุลเดินลงมา เห็นพวกตนพูดหยอกล้อกัน ก็เลยถามว่าพวกตนว่า “พวกมึงเป็นคู่เกย์กันเหรอ ตุ๋ยกันเหรอ” ทำให้ตนโกรธเมีย จึงหยิบเอาเกาอี้นอนเดินไปนอนอยู่ในบ้านอีกหลังใกล้กัน ปล่อยให้นางพิกุลกินเหล้าอยู่กับผู้ตาย ส่วนตนนอนหลับไป
นายวรชัย ให้การต่อว่า นางพิกุลได้มาปลุกตนบอกว่าเหล้าหมดแล้ว และชวนออกไปซื้อเหล้าที่ร้านค้าในหมู่บ้าน ตนเห็นผู้ตายนอนอยู่กองหิน จึงไม่ได้สนใจเพราะเมื่อเมาผู้ตายจะนอนไปทุกที่ พอกลับมาก็เห็นผู้ตายนอนอยู่บนกองหินที่เดิม จึงเดินไปดูก็พบว่าถูกฟันคอเสียชีวิต ตนจึงไปแจ้งกำนัน ซึ่งตนคิดว่านางพิกุลเป็นคนฟันคอผู้ตาย เพราะเห็นเมียถือมีดพร้า ส่วนสาเหตุตนไม่รู้ รู้แต่ว่ายาบ้านางพิกุลหายไป 6 เม็ด
ส่วนนายสมหมาย ให้การว่า ช่วงเช้าตนมาซื้อยาบ้ากับนางพิกุล พบนางพิกุลและนายวรชัย ทำร้ายร้างกายผู้ตาย ตนได้ห้ามปราม หลังเสพยาบ้าเสร็จตนได้นั่งร่วมวงดื่มเหล้าอยู่ที่บ้านนางพิกุล จนถึงช่วงบ่ายจึงกลับบ้าน ตกค่ำตนย้อนกลับไปซื้อยาบ้าอีก แต่นางพิกุลบอกว่ายาบ้าหายไป คิดว่าผู้ตายลักไป ให้ตนไปตามผู้ตายมาพบ หลังจากตามผู้ตายเสร็จตนก็กลับไปบ้าน และทราบว่าผู้ตายถูกฟันคอ จึงมาที่เกิดเหตุพบผู้ตายนอนตายแล้ว ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า
นางคำกอง เทพสุวรรณ อายุ 67 ปี แม่ผู้ตาย เดินทางมาโรงพักกับญาติ เพื่อดำเนินการขอเอกสารการตายของลุก ไม่คิดว่าจะเกิดแบบนี้ เป็นเพื่อนบ้านกันไปมาหาสู่กันตลอด ส่วนการตายน่าจะไปลักของ อาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะผู้ตายดื่มทั้งเหล้าและเสพยาบ้า และไม่รู้ว่าใครฆ่าลูก อยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้
นางหนูแซง เทพสุวรรณ อายุ 42 ปี น้าผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายไปมาหาสู่กันประจำ เรียกใช้ไหว้วานกันตลอด และกินเหล้าด้วยกันประจำ ไม่รู้ว่าลึกซึ้งกันแค่ไหน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ เสียใจว่าจะทำแบบ ไม่น่าจะฆ่ากัน ถ้าไปลักขโมยก็แค่สั่งสอนก็พอ ส่วนสาเหตุการฆ่าตนไม่รู้ อยากให้ตำรวจจับคนร้ายได้ ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี ได้เดินทางมาสอบสวนปากคำนางพิกุล นายวรชัย และนายสมหมาย ผู้ต้องสงสัยฆ่านายจตุพล ด้วยตัวเอง ซึ่งนาพิกุลยังให้การว่าไม่ได้เป็นคนฆ่านายจตุพล ซึ่งมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย ลักมีดพร้าตนไปจำนำ 20 บาท แต่นายวรชัย มาขอเงินตนไปไถ่คืนมา และวางมีดไว้ที่เสาหอแท๊งก์น้ำ ซึ่งทั้งสามคนกินเหล้าด้วยกันแล้วฆ่ากันเอง เพราะทั้งสามคนมีพฤติกรรมชายรักชาย เคยเห็นพวกเขาสวิงกิ้งกัน อาจจะหึงหวงจนฆ่ากันตาย แล้วโยนความผิดมาให้ตน แต่ตนไม่หึงหวง เพราะแก่แล้ว ถ้าอยากมีความสุขก็ปล่อยเขา ขอปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล
พล.ต.ต.พิษณุ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบว่ามีการดื่มเหล้าและเสพยาบ้า พยานในที่เกิดให้การสอดคล้องกันว่า นางพิกุลได้ใช้มีดฟันท้ายทอยนายจตุพลจนตาย ขณะเดียวกันมีดที่ใช้ก่อเหตุ ถูกพบในรถยนต์นางพิกุล การลงตรวจที่เกิดเหตุ และประจักษ์พยาน นางพิกุลเป็นคนก่อเหตุ เป็นที่สังเกตว่าพยานในที่เกิดเหตุ เป็นสามีนางพิกุล และเพื่อนบ้านมาเล่นที่บ้านประจำ ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง ซึ่งบางเวลาที่สอบปากคำนางพิกุลมีอาการฟั้นเฟือน เพราะมีประวัติการรักษาโรคจิตประสาท แต่จะนำมาพิจารณาประกอบว่าขณะเกิดเหตุมีความรับผิดชอบชั่วดีหรือไม่ จึงแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา “ส่วนนายวรชัย และนายสมหาย แจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดตามกฎหมาย
