ร้อยเอ็ด-ตำรวจภูธรภาค 4 เตือนผู้ที่ชอบแสวงหาเด็ก-เยาวชน เพื่อสนองตัญหา ระวังคุก

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 พ.ย.2564 ที่หน้า สภ.เมืองร้อยเอ็ด พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ไพโรงน์ มังคลาผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.วิโรจน์ สีน้ำเงิน รอง ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.วันชัย วันทะสมบัติ รอง ผบก.ก.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รอง ผบก.ก.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.ขาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ ผกก.สืบสวน1บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.อัครวินต์ สุคนวิท ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.สมพาน มุทาพร ผกก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.เนติวัฒน์ จันทรา ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อม ชุดสืบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4

แถลงผลการจับกุม นายปาล์ม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี บ้านเลขที่ 1 ซอยวัดราษฎรอุทิศ
ถนนปัทมานนท์ ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี ” เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี กระทำการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จากการค้าประเวณี ซึ่งเป็นการกระทำต่อบุคคลอายุกว่า15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ( พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราม การค้าประเวณี พ.ศ.2539, พรบ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์พ.ศ. 2551 ) ” และครอบครองยาเสพติด พร้อมของกลางธนบัตรไทยในการล่อซื้อ ฉบับละ 100 บาท รวม 800 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระเป๋าสะพายข้างจำนวน 1ใบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) น้ำหนักยาไอซ์ 0.29 กรัม รถจยย.ฮอนด้า เวฟ สีแดง – ดำ จำนวน 1 คัน หลังเข้าหน้าที่ตามจับกุมตัวได้ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ใน จ.ร้อยเอ็ด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่าพบบุคคลมีพฤติกรรมในลักษณะเป็นธุระจัดหาเด็กหญิงมาเพื่อทำการขายบริการทางเพศ จึงทำการสืบสวนหาข่าว กระทั่งทราบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายปาล์ม ( สาวประเภทสอง ) ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ มาแล้วขณะนั้นอายุ 17 ปีเศษ เจ้าหน้าที่ส่งศาลเยาวชนฯ ดำเนินคดี และพึ่งพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน ธ.ค.2563 แต่หลังจากพ้นโทษออกมา ก็ยังมีพฤติกรรมใน
จัดหาเด็กหญิงเพื่อขายบริการทางเพศ โดยเด็กหญิงที่อยู่ในความดูแลส่วนมากจะเป็นเด็กที่มีปัญหาทางสังคม ปัญหาครอบครัว เรียนไม่จบ และปัญหาด้านยาเสพติด

จึงทำการสืบสวนติดตามจน ทราบข้อมูลว่า นายปาล์ม ใช้โทรศัพท์ที่ยึดได้ในการติดต่อกับลูกค้าและโทรนัดเด็กหญิงมาขายบริการ โดยจะเป็นคนมาส่งเด็กหญิงให้กับลูกค้าด้วยตนเอง และนายปาล์ม ยังมีพฤติกรรมบังคับเด็กหญิงที่อยู่ในความดูแลห้ามทำการติดต่อกับลูกค้าโดยตรง หากใครทำผิดก็จะโดนทำร้ายร่างกาย ส่วนเงินค่าตอบแทนในการเป็นธุระจัดหาและขายบริการทางเพศ นายปาล์ม จะเป็นคนกำหนดราคาในการใช้บริการทางเพศกับลูกค้าเอง และเป็นคนแบ่งเงินให้กับเด็กหญิงที่ตนนำมาส่งให้กับลูกค้าแต่ละครั้ง โดยที่เด็กหญิงไม่มีสิทธิ์ต่อลองราคากับลูกค้า เช่น ตกลงขายบริการทางเพศในราคา 1,500 บาท นายปาล์ม จะเรียกเก็บค่านายหน้าอยู่ที่ 500-700 บาท ตามแต่ความพอใจ และเด็กหญิงไม่มีข้อต่อรอง ซึ่งเด็กหญิงส่วนมากที่อยู่ในความดูแลของนายปาล์ม จะมีอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนร่วมกับ บก.สส. .ภ. 4 วางแผนจับกุมตัว

โดยการล่อซื้อเด็กหญิงจากผู้ต้องหาทางโทรศัพท์ข้างตัน ก่อนผู้ต้องหาเป็นธุระจัดหาเด็กหญิงมาให้บริการทางเพศ แล้วนัดหมายที่จะนำเด็กหญิงมาส่งที่ห้องพักหมายเลข 3 โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดกล้องวงจรปิดที่ตัวของสายลับ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินคดี และวางกำลังชุ่มดูอยู่ บริเวณใกล้เคียง เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 8 พ.ย. 2564 นายปาล์ม ได้ขับรถ จยย.มาจอดบริเวณ
ลานจอดรถ พร้อมพาเด็กหญิงมาส่งที่ห้องของสายลับที่เปีดไว้ จากนั้นสายลับได้ส่งมอบเงินค่า
จัดหาให้นายชานนท์ เมื่อรับเงินแล้ว เจ้าหน้าได้แสดงตัวเข้าจับกุม แล้วคุมตัวสอบสวนขยายผลก่อนส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รองผบช.ภ. 4 กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ที่ได้มาร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ครั้งนี้ ถือเป็นวาระแห่งชาติ เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันประเทศเรากำลังถูกจับตาจากต่างประเทศ เราจึงต้องมีมาตรการต่างๆ ในการกวดขันจับกุม เพื่อให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ วันนี้เป็นเรื่องของการค้าประเวณี เป็นหนึ่งในแปดรูปแบบของการค้ามนุษย์ ซึ่งกรณีนี้เป็นกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งอาจจะมีความต้องการเรื่องปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะมีความต้องการเพื่อสนองตัณหา โดยทางตำรวจเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ถ้าหากมีการสอบสวนขยายผลถึงใคร ก็จะทำการจับกุมทุกราย และอยากจะฝากไปถึงผู้ที่ชอบมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ว่า หากท่านยังไม่หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ หากการสืบสวน สอบสวนขยายผลไปถึงใคร เราก็ต้องดำเนินคดี ขั้นเด็ดขาดต่อไป

วินัย วงศ์วีระขันธ์ ข่าวร้อยเอ็ด