ศาลจังหวัดขอนแก่นไม่ปราณี สมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง หลังฆ่ารัดคอหญิงวัย 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหยื่อรายที่ 6 ปลายปี 2562 ทั้งที่เพิ่งพ้นโทษออกมาเพียง 6 เดือนเศษ ชี้เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง
จากเหตุการณ์ที่มีคนร้ายลงมือก่อเหตุ ใช้เชือกฆ่ารัดคอ นางรัศมี (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี เสียชีวิตภายในบ้านใหม่ชัยมงคล หมู่19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 62 ที่ผ่านมา
วันที่ 2 เม.ย 64 ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) , 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ลงโทษประหารชีวิต ฐานลักทรัพย์ จำคุก 2 ปี
สำหรับความผิดฐานซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือสาเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เพื่ออำพรางคดี เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน ฐานลักทรัพย์ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพฯ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน สำหรับฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนในครั้งแรก เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ คำรับสารภาพดังกล่าว ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลย เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย ได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน รวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี
หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้ง 5 คดีก่อนนั้น เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ จำเลยยังกลับมากระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปราณี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชน และเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ริบของกลาง
ทางด้าน พ.ต.ท.ทินกร เถาหมอ รอง ผู้กำกับสอบสวน พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เผยว่า หลังจากที่ศาลจังหวัดขอนแก่น อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา ตอนนี้อยู่ในระหว่างระยะเวลายื่นอุธรณ์ ถ้านักโทษชาย สมคิด พุ่มพวง ไม่ขอยื่นอุธรณ์คาดว่าในขั้นต่อไป นช.สมคิด จะถวายฎีกา ลดโทษ หรืออภัยโทษในการประหารชีวิต โดยในลำดับขั้นตอนนี้คาดว่า นช.สมคิด จะเป็นคนยื่นถวายเอง
สำหรับบรรยากาศที่บ้านของนางสาวรัศมี หน้าบ้านปิดเงียบสอบถามนางเจต พลหมอ เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันบอกว่า นาน ๆ ที่จะมีลูกของผู้ตายเดินทางมาพัก ซึ่งชาวบ้านที่ทราบข่าวว่านายสมคิด พุ่มพวง ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ก็ยังไม่ปักใจได้ว่าจะถูกประหารจริง เพราะที่ผ่านมานักโทษประหารชีวิต ไม่ได้ถูกประหารจริง เนื่องจากได้มีการลดโทษตามวาระวันสำคัญต่าง ๆ จึงยังไม่แน่ใจว่าจะถูกประหารชีวิตจริง
ด้านนางบุญเรือง อาจศักดิ์ อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ 2 ต.หนองโก อ.กระนวน พี่สาวนางสาวรัศมี เหยื่อฆาตกรต่อเนื่อง เผยว่า หลังจากที่ทราบว่าทางศาลจังหวัดขอนแก่นตัดสินประหารชีวิต นายสมคิด ตนเองรู้สึกโล่งและสบายใจที่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งจะได้จุดธูปบอกกล่าววิญญาณน้องสาว
ประวัตินายสมคิด เคยก่อเหตุก่อนหน้านี้ ศาลได้มีคำพิพากษาประหารชีวิต นายสมคิด ในคดี ก่อเหตุฆ่า น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องสาว “แสงตะวันคาเฟ่” ในห้องพักโรงแรมพลอยพาเลซ จ.มุกดาหาร และพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายสมคิดในคดีที่ก่อเหตุฆ่า น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อายุ 25 ปี อาชีพหมอนวดแผนโบราณที่โรงแรมปิยะแมนชั่น ใน จ.บุรีรัมย์ โดยพฤติการณ์ของทุกคดีนายสมคิดก่อเหตุคล้ายกัน เริ่มจากเข้าตีสนิทผู้ตาย แล้วชักชวนไปหลับนอนในโรงแรม เมื่อเผลอหลับก็จับบีบคอแล้วปลดเอาทรัพย์สินของมีค่าไป