กาฬสินธุ์(ชมคลิป)ทีมเพชรน้ำดำจับกลุ่มเลี้ยงหนูนาตัวบิ๊กเบิ้มส่งขายอาชีพเสริมรายได้งาม


ทึ่ง!เกษตรกรชาวจังหวัดกาฬสินธุ์รวมกลุ่ม“ทีมเพชรน้ำดำ”เพาะเลี้ยงหนูนาตัวบิ๊กเบิ้มขนาดตัวละ 2 กก.ส่งขายอาชีพเสริมสร้างรายได้งามเลี้ยงครอบครัวในช่วงเศรษฐกิจยุดโควิด-19 แพร่ระบาด
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงหนูนาของกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนา “ทีมเพชรน้ำดำ” ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรผู้เลี้ยงหนูนาในพื้นที่อำเภอต่างๆของ จ.กาฬสินธุ์ ที่รวมกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาเป็นอาชีพเสริม นอกจากการทำไร่ทำนาและงานประจำ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นอย่างดี โดยมีนายฑณากร ศรีเหรา เจ้าของปฐมพรฟาร์มหนูพุกใหญ่สมเด็จ หรือร้านปฐมพรค้าข้าวตั้งอยู่บ้านเลขที่23 ม. 5 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์เป็นประธานกลุ่ม นายพินิจนัย แหนบนาค เจ้าของฟาร์มพินิจนัยฟาร์ม ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 9 บ้านนาจารย์ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์เป็นรองประธานกลุ่ม
นายฑณากร ศรีเหรา เจ้าของปฐมพรฟาร์มหนูพุกใหญ่สมเด็จ ประธานกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนา “ทีมเพชรน้ำดำ” กล่าวว่า แต่ก่อนนั้นตามท้องไร่ ท้องนา จะมีหนูนา หรือหนูพุกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสานมักนิยมจับมาทำเป็นอาหารรับประทานกัน แต่ในปัจจุบันจากการใช้สารเคมี ทำให้หนูนาที่อยู่ตามธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงหาได้อยาก ตนจึงหันมาได้เลี้ยงหนูนา ซึ่งเลี้ยงมาได้ประมาณเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว โดยการสั่งซื้อพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ หนูนาพันธุ์ใหญ่จากชาวบ้านที่จับมาได้ตามธรรมชาติ และตามฟาร์มเลี้ยงหนูนาในพื้นที่ต่างๆมาเพาะเลี้ยงดู ปรากฏว่าสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีหนูนาที่เพาะเลี้ยงอยู่กว่า 1,000 ตัว มีออเดอร์สั่งเข้ามาจากทั่วประเทศ เพาะพันธุ์ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ เนื่องจากความต้องการมีมากดังนั้นจึงได้คุยกันในกลุ่มเพื่อนๆที่เพาะเลี้ยงหนูนาจนได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาขึ้นมาภายใต้ชื่อทีมเพชรน้ำดำ
นายฑณากร กล่าวอีกว่า สำหรับการเลี้ยงหนูนาใช้พื้นที่ไม่มาก เพราะสามารถเลี้ยงในท่อซีเมนต์ได้ เพียงก่ออิฐให้อยู่ในพื้นที่จำกัดเลี้ยงเป็นคู่ไว้ประมาณ 25 วัน หนูก็จะผสมพันธุ์และเริ่มตั้งท้อง ซึ่งแม่พันธุ์ 1 ตัวจะคลอดลูกประมาณ 1-10 ตัวโดยประมาณ จากนั้น 3-4 เดือน หนูนาก็จะตัวโตเต็มที่ มีน้ำหนักประมาณตัวละ 7 ขีดถึง 2 กก.พร้อมจับขายได้เลย ซึ่งการเลี้ยงหนูนา 1 ตัว จะมีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเฉลี่ยประมาณ 50 บาท และหากขายเป็นหนูเนื้อจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท แต่ถ้าขายเป็นพ่อ แม่พันธุ์ ก็จะได้ราคาดีกว่า คือชุดละราคา 700 – 2,000 บาท เป็นพ่อพันธุ์ 1 ตัว และแม่พันธุ์ 2 ตัว จึงถือว่าได้กำไรสูงมาก ขณะที่ความต้องการของตลาดก็มากเช่นกัน โดยเฉพาะร้านอาหารป่า และกลุ่มผู้ชื่นชอบทำให้มีรายได้จากการขายหนูนาเฉลี่ยรายได้หักค่ายใช้จ่ายทุกอย่างแล้วอยู่ 10,000 – 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ดีมากสำหรับเศรษฐกิจในช่วงยุคโรคโควิด-19 แพร่ระบาดปัจจุบัน
ด้านนายพินิจนัย แหนบนาค เจ้าของฟาร์มพินิจนัยฟาร์มรองประธานกลุ่ม“ทีมเพชรน้ำดำ” กล่าวว่า ปัจจุบันถึงแม้ตนและเพื่อนๆจะรวมกลุ่มกันกว่า 20 รายเพราะเลี้ยงหนูนาขาย แต่ปริมาณหนูนาที่เลี้ยงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ หรือแม้แต่หนูเนื้อต้องสั่งจองกันล่วงหน้าเลยทีเดียว รวมทั้งผลิตภัณฑ์หนูนาแปรรูปหนูย่าง หนูอบโอ่งเป็นต้น
นายพินิจนัย กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาทีมเพชรน้ำดำจะมีอยู่ที่บ้านกุดหว้าอำเภอกุฉินารายณ์, บ้านแสนสุข น้ำหนึ่งน้ำซุปฟาร์มหนูนาภูกระแตอำเภอเขาวง, ปฐมพรฟาร์มหนูพุกใหญ่สมเด็จอำเภอสมเด็จ, ฟาร์มหนูพุกใหญ่อภิชญา อำเภอเมืองกาฬสินธุ์, วินัยฟาร์มบ้านสงยาง อำเภอกมลาไสย,จ่าอู๋ฟาร์ม บ้านนาจารย์, พินิจนัยฟาร์ม บ้านนาจารย์, ฟาร์มหนูนาปกาวินท์อำเภอร่องคำ, แอลม่อนฟาร์มหนูพุกใหญ่อำเภอคำม่วง, ขุมทรัพย์ฟาร์มหนูพุกใหญ่อำเภอสหัสขันธ์, ฟาร์มหนูพุกใหญ่ดงอุดม อำเภอห้วยผึ้ง, สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเลี้ยงหนูหนา เพื่อเป็นอาชีพหรืออาชีพเสริมก็สามารถแวะไปเยี่ยมชมฟาร์มของกลุ่มเพาะเลี้ยงหนูนาทีมเพชรน้ำดำที่ใกล้บ้านท่านได้เลยเพาะทุกๆฟาร์มของกลุ่มยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำทุกอย่างสำหรับท่านที่สนใจเลี้ยงหนูนา