ชาวสวนริมโขงหาดบึงกาฬ 200 ไร่ร้องสื่อคัดค้านการยึดพื้นที่ใช้ปลูกพืชผักระยะสั้น ไปสร้างสถานที่ราชการ ทั้งสำนำงาน อบจ.และเทศบาลเมืองบึงกาฬ ซึ่งชาวบ้านได้ยึดอาชีพทำมาหากินปลูกพืชสวนมาเป็นเวลาเนิ่นนาน เพื่อส่งบุตรหลานได้เรียนหนังสือ จึงไม่ยอมหากจะยึดไปทั้งหมด
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 8 มี.ค.นายอาทิตย์ สิริวงษ์ กำนันตำบลบึงกาฬ พร้อมกับตัวแทนชาวสวนที่ปลูกพืชผักตามหาดริมน้ำโขง ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ได้นำสื่อมวลชนมาดูสถานที่ริมโขง ซึ่งทางราชการจะใช้เป็น Landmark แห่งใหม่ของจังหวัดบึงกาฬ โดยใช้พื้นที่ ประมาณ 500 ไร่ ที่หาดริมโขงแห่งนี้ ซึ่งจุดนี้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดบึงกาฬ และที่มีบ้านเรือนอยู่ริมโขง โดยเฉพาะพี่น้องชาว หมู่ 7 ตำบลวิศิษฐ์ หมู่ 1 ตำบลบึงกาฬ หมู่ หมู่ 2 หมู่ 3 ตำบลบึงกาฬ ส่วนมากมีบ้านเรือนตั้งอยู่ติดริมโขง และบางครอบครัวก็ยึดอาชีพปลูกพืชผักระยะสั้น ใช้เวลาปลูกประมาณ 3 เดือน ก็เก็บเกี่ยวเพื่อส่งขายตามตลาดต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว และสร้างเศรษฐกิจให้แก่คนบึงกาฬ เช่นนายปัญญา พระราช อายุ 64 ปี บ้านศรีโสภณ หมู่ 2 นางชมพู่ ดวงจันทร์โชติ อายุ 42 ปีอยู่บ้านเลขที่ 186 หมู่ 8 บ้านบึงสวรรค์ นางสุจิตรา หาญคำหล้า อายุ 54 ปีอยู่บ้านเลขที่ 126 หมู่ 4 บ้านนาโนน ต.บึงกาฬ ซึ่ง 500 ไร่พี่น้องชาวบึงกาฬไม่ได้ขัดข้องหรือขัดขืนทางราชการแต่อย่างใด แต่อยากขอไว้ทำสวนคนสัก 2-3 ไร่ไว้ปลูกพืชสวนออร์แกนิค ไว้ขายหรือให้นำท่องเที่ยวได้มาชม ช้อป ซื้อ มีความยินดีและเห็นพ้องต้องกันว่าให้ทางราชการทำเป็นจุดท่องเที่ยวหรือจุดเช็คอิน จะทำแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดบึงกาฬ ด้วยความยินดีปรีดาอย่างยิ่ง
กำนัน ต.บึงกาฬ กล่าวว่า ส่วนที่ดินที่อยู่ตรงข้ามกำลังทำเป็นพนังกั้นตลิ่งพังตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่ 2 และหมู่ 3 ของ ต.บึงกาฬ มีชาวบ้านมาทำสวน ปลูกพืชผักระยะสั้น เพื่อส่งขายตามตลาด ในจังหวัดบึงกาฬ และ ตามตลาดทั่วไป ซึ่งก็มีชาวสวนที่ยึดอาชีพมาปลูกกันจำนวนมาก เป็นวิถีชีวิตที่ทำมาหากินหาเลี้ยงครอบครัว สร้างเศรษฐกิจให้ชาวบึงกาฬ สร้างรายได้ให้กับครอบครัวมาหลายช่วงอายุคน หลายครอบครัวก็นำรายได้ส่วนนี้ส่งบุตรหลานจนเรียนจบมหาลัยออกมาทำงานก็หลายคน ซึ่งไม่มีที่ดินแปลงอื่นที่จะเหมาะสม มีความสมบูรณ์ทั้งดินและน้ำเหมือนที่ดินแปลงนี้อีกแล้ว แต่สิ่งที่ชาวบ้านไม่สบายใจรวมทั้งตัวผมเองด้วย ซึ่งเป็นผู้ปกครองและเป็นผู้นำชุมชน ก็คือมีทางราชการบางหน่วยงานมาแจ้งว่า จะไม่ให้ชาวบ้านทำสวนกับที่ดินแปลงนี้อีกต่อไปแล้ว โดยทางราชการจะขอคืนพื้นที่ทั้งหมด ประมาณ 200 ไร่ เพื่อไปทำประโยชน์สร้างสำนักงาน อบจ.และเทศบาลเมืองบึงกาฬแห่งใหม่
จึงจะขอยึดคืนทั้งหมด ผมเห็นว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องที่ทำมาหากินอยู่จุดนี้มาช้านาน โดยเฉพาะที่ดิน 200 ไร่ ชาวบ้านที่อยู่ติดที่ดินแปลงดังกล่าวก็มีโฉนดกันทุกคน เมื่อที่ดินริมโขงซึ่งเป็นที่งอกริมตลิ่งเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ทำมาหากินอยู่ก็สมควรที่จะแบ่งปันให้ชาวบ้านบ้าง ไม่ใช่ว่าทางราชการจะยึดไปทำประโยชน์ทั้งหมด แต่ที่ดินริมโขงเหมือนกันและทำพนังกั้นตลิ่งพังเสร็จเรียบร้อยแล้วของ หมู่ 4 บ้านนาโนน หมู่ 5 บ้านท่าไคร้ ตำบลบึงกาฬเหมือนกัน ทำไมทางราชการยังยกให้พร้อมกับออกโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์ได้ วันนี้กระผมและพี่น้องชาวบ้านหลายคนจึงขอร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้เป็นปากเป็นเสียงได้แจ้งไปยังหน่วยงานทางราชการที่จะมาใช้พื้นที่ดังกล่าวด้วย หากจะทำอย่างนั้นจริงคิดว่าชาวบ้านคงยอมกันยาก แต่อย่างไรเสียในฐานะผู้ปกครองหมู่บ้านหรือผู้นำชุมชนจึงอยากจะขอให้ส่วนเสนอส่วนราชการดังกล่าวได้มาพูดคุยตกลงกันว่าสมควรที่จะให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ อย่างไรคนละกี่ไร่ก็ว่ากันไปไม่ใช่ว่าจะมายึดเอาไปทั้งหมดอย่างนี้ ก็ไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้องด้วย โรคโควิด 19 ก็มาแล้ว ทางราชการยังจะมารังแกซ้ำเติมชาวบ้านอีก ไม่ได้บำรุงสุขแล้วยังมาเพิ่มทุกข์ให้ชาวบ้านอีกพวกเราไม่ยอมแน่นอน.
ปวิณชัย บุญพิเชฐ บึงกาฬ //