สสจ.ขอนแก่น สั่งสอบรถกู้ชีพชนประสานงานรถกระบะ ขณะนำส่งผู้ป่วยรักษาที่ รพ.ขอนแก่น จนผู้ป่วยในรถกระเด็นตกออกจากตัวรถ ก่อนสรุปผลส่งให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินพิจารณา
วันที่ 17 ก.พ. 64 ที่ ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น ประชุมร่วมทีมสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์รถกู้ชีพกู้ภัยชนประสานงานกับรถยนต์กระบะส่วนบุคคล เหตุเกิดที่บริเวณสี่แยกประตูเมือง บน ถ.มิตรภาพ ตัด ถ.ศรีจันทร์ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ขณะที่รถกู้ชีพกำลังนำผู้ป่วยส่งต่อการรักษาที่ รพ.ขอนแก่น จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ทีมสืบสวนสอบสวนที่ สสจ.ขอนแก่น ได้แต่งตั้งขึ้นได้ทำการสอบสวนการเกิดเหตุดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยได้ลงพื้นที่จุดที่เกิดเหตุและจุดที่เก็บรักษารถ รวมทั้งการตรวจสอบจากคลิปที่เผยแพร่จนได้ข้อสรุปในภาพรวมและเตรียมที่จะเสนอต่อคณะอนุกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดซึ่งมี นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานฯได้รับทราบและสรุปสำนวนส่งไปยัง สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินได้รับทราบและพิจารณาในกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
รถกู้ชีพคันดังกล่าวขึ้นตรงกับมูลนิธิสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ โดยมีการขึ้นทะเบียนกับระบบการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยไม่ได้ขึ้นตรงกับกระทรวงสาธารณสุข หรือรถพยาบาลในสังกัดโรงพยาบาลของรัฐ แต่ระเบียบข้อบังคับ ทั้งในส่วนของรถในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและรถในสังกัดของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินนั้นไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะกฎเหล็กที่ผู้ปฏิบัติและหน่วยงานที่เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตามคือรถทุกคันต้อขึ้นทะเบียนและเข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานตามที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินกำหนด การให้บริการผ่านระบบสั่งการของกระทรวงสาธารณสุข การใช้อัตราความเร็วที่ไม่เกิน 90 กม.ต่อชั่วโมง การห้ามฝ่าสัญญาณไฟจราจรโดยเด็ดขาด และพนักงานทุกคนจะต้องผ่านการอบรมตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และก่อนการออกให้บริการทุกครั้งพนักงานขับรถจะต้องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ และทุกปีพนักงานทุกคนจะต้องตรวจสุขภาพจิตด้วย”
นพ.สมชายโชติ กล่าวต่ออีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องแยกออกเป็น 2 กรณีคืออุบัติตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และเรื่องการที่รถกู้ชีพกู้ภัยคันดังกล่าวที่อยู่ในการกำกับดูแลของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ที่เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งการสอบสวนนั้นใกล้แล้วเสร็จแล้วและจะมีการนำเสนอต่อประธานกรรมการระบบการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินระดับจังวัดพิจารณาต่อไป ส่วนผลจะออกมาในลักษณะใดนั้นยังไม่สามารถที่จะตอบได้ในขณะนี้
