อุดรธานี (ชมคลิป) แม่แรงงานไทยขอบคุณกลุ่มฮามาสปล่อยลูกชาย-สะใภ้ หลังถูกจับเป็นตัวประกัน 50 วัน

จากกรณีที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งข่าวดีเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันชาวไทยในชุดแรก รวมทั้งสิ้น 10 คน เป็นชาย 9 คน หญิง 1 คน เมื่อวานที่ผ่านมาว่า (24 พ.ย.) หลังอุปทูต และเจ้าหน้าที่ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางไปเยี่ยมกลุ่มคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวที่ รพ. Shamir Medical Center โดยมีรายชื่อดังนี้

1 นางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน 2 นายสันติ บุญพร้อม 3 นายบุญถม พันธ์ฆ้อง 4 นายมงคล ผจวบบุญ 5 นายวิทูรย์ ภูมี 6 นายวิชัย กาละปัตย์ 7 นายบัญชา กองมณี 8 นายบุดดี แสงบุญ 9 นายอุทัย ทุ่นศรี และ 10 นายอุทัย แสงนวล ซึ่ง 2 แรงงานชาวไทย ที่ถูกระบุจากญาติว่า เป็นสามีภรรยากัน หลังพบรักกันที่ประเทศอิสราเอลเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา คือนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี และนางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน อายุ 35 ปี ชาว จ.ขอนแก่น

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 56 ม.1 บ้านหินโงม ต.บ้านหินโงม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักตามภูมิลำเนาของนายบุญถม พันธ์ฆ้อง อายุ 45 ปี แรงงานไทยในอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ ได้พบกับนางเขียน พันธ์ฆ้อง อายุ 85 ปี และนางอุไร จันทชาติ อายุ 61 ปี แม่และพี่สาว นั่งอยู่บนเตียงไม้ใต้ถุนบ้าน ที่พากันตั้งตารอคอยฟังข่าวดีและการกลับมาของลูกชายทุกวันอย่างมีความหวัง หลังถูกกลุ่มฮามาสบุกเข้าไปจับตัวเป็นตัวประกันที่แคมป์คนงานพร้อมกับ น.ส.ณัฐฐาวรี มูลกัน อายุ 35 ปี ชาว จ.ขอนแก่นที่เป็นภรรยา และเพื่อนร่วมงาน ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.จนถึงวันนี้รวม 50 วันแล้ว

ในวันนี้ นางเขียนฯ นั้นมีหน้าตายิ้มแย้มสดใสอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 25 พ.ย.ได้รับแจ้งข่าวดีจากสถานฑูตไทยในอิสราเอล และหลานชายที่เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลว่า นายบุญถมฯและภรรยา พร้อมกับเพื่อนแรงงานชาวไทย รวม 10 คน ถูกกลุ่มฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้ว ทำให้นางเขียนฯและนางอุไรฯ แม่และพี่สาว ดีใจจนนอนไม่หลับ และทำให้นางเขียนฯ กินข้าวได้มากว่าทุกวัน เพราะจะได้เห็นหน้าลูกชายกลับมาบ้านแบบยังมีชีวิต หลังจากที่ได้ไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง รวมทั้งหมอดูก็บอกว่า ลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ทั้งสองคนยังปลอดภัยดี

ต่อมาหลังจากที่นางอุไรฯ และนางเขียนฯ ได้เห็นภาพของแรงงานไทยที่ถ่ายภาพร่วมกันหลังจากที่ถูกปล่อยตัว จากผู้สื่อข่าวนางอุไรฯ และนางเขียนฯ แม่และพี่สาวเมื่อได้เห็นภาพ ก็ชี้ตรงจุดที่ลูกชายและลูกสะใภ้ยืนอยู่ในรูปภาพอย่างถูกต้อง และบอกว่าลูกชายซูบผอมลงเล็กน้อย และมีหนวดเคราเหมือนกับกลุ่มฮามาสเลย พร้อมกับได้ยกมือพนมไหว้ขอบคุณรัฐบาลไทยและอิสราเอล เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคน รวมทั้งกลุ่มฮามาสที่ปล่อยตัวลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ออกมาอย่าปลอดภัย จากนั้นนางอุไรฯ พี่สาวนายบุญถมฯได้แต่งขันธ์ 5 ดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ศาลปู่ตา หรือศาลหลักบ้านเพื่อบอกกล่าวว่าน้องชายและว่าที่น้องสะใภ้ ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วและเมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะนำพวงมาลัย 38 พวง ที่บนบานเอาไว้คนละ19 พวงมาถวายศาลปู่ตาเพื่อแก้บน

 

นางเขียนฯ กล่าวว่าตั้งแต่ทราบข่าวว่าลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน ก็ทำให้กินไม่ค่อยได้ นอนก็ไม่ค่อยหลับ ในเวลาคิดถึงลูกชาย ซึ่งนายบุญถมเป็นลูกชายคนสุดท้อง ตนรักและเป็นห่วงเขามาก หลังทราบข่าวดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ดีใจจนนอนไม่หลับ แต่เช้าวันนี้กินข้าวได้มากว่าทุกวันที่ผ่านมา โดยลูกสาวทำข้าวต้มและลาบวัวให้กิน และรสชาติของอาหารวันนี้ก็แซบหลายๆ

ส่วนนางอุไรฯ กล่าวว่า ตั้งแต่น้องชายถูกจับไปเป็นตัวประกันจนถึงวันนี้รวม 50 วันก็ได้รับข่าวดีจากสถานทูตไทยในอิสราเอลและหลานชายโทรแจ้งมาว่า ตัวประกันที่ถูกปล่อยตัวรวม 10 คน มีชื่อน้องชายและน้องสะใภ้ และขณะนี้ทุกคนปลอดภัยดี และให้แพทย์ทางอิสราเอลตรวจสุขภาพร่างกาย ก่อนจะดำเนินการขั้นตอนในการส่งตัวกลับภูมิลำเนา หลังทราบข่าวดี ตนและแม่ รวมทั้งญาติพี่น้องต่างพากันดีใจ หลังพากันไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ อ.สร้างคอม ไว้หลายแห่ง และสิ่งที่ขอก็เป็นความจริง

“เมื่อน้องชายและว่าที่น้องสะใภ้กลับมาถึงบ้าน ก็จะได้ผูกแขนเอิ้นขวัญกลับบ้าน เพราะเปรียบเสมือนกับว่า น้องชายและว่าที่น้องสะใภ้ได้เกิดใหม่อีกครั้ง และจะพากันเดินสายแก้บนตามสถานที่ต่างๆที่ได้ไปบนบานกล่าวเอาไว้ หลังจกนั้นทั้งสองคนคงจะหาวันผูกข้อไม้ข้อมือเข้าวิวาห์กัน ตามทั้งสองคนเคยพูดกันไว้ที่ประเทศอิสราเอล ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ตนขอกราบขอบพระคุณหน่วยงานและทุกภาคส่าน ทั้งในประเทศไทยและอิสราเอล รวมทั้งกลุ่มฮามาสด้วย”