หลายหน่วยงานเข้าช่วยเหลือคุณยายหนูนา วัย 77 ปี ที่ตาบอดและอยู่เพียงลำพัง ยืนยันภาครัฐไม่ได้ทอดทิ้งให้การช่วยเหลือมาโดยตลอดเป็นเงินกว่า 8 หมื่นบาท และยังได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและผู้พิการมาตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่หลานชายก็ไม่ได้ทอดทิ้ง มาดูแลอยู่ตลอด เคยรับยายไปอยู่ด้วยกันแต่ก็ถูกปฎิเสธเพราะไม่คุ้นชินกับที่อยู่ใหม่
นางกรรนิการ์ กองฉลาด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยหน่วยงานราชการได้ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวนางหนุนา คะนึงนึก อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 1 บ้านนาดอกไม้ ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น หลังจากที่มีสื่อมวลชนได้นำเสนอเรื่องราวคุณยายหนูนา ว่าพิการตาบอด อาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง โดยลูกหลานและหน่วยงานรัฐไม่มาดูแล และใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก ทางเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น จึงได้มอบถุงยังชีพและเงินสดจำนวน 3,000 บาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า หลังทราบข่าวได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบทราบว่า ที่ผ่านมาได้มีหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหลายหน่วยงานได้ให้การช่วยเหลือคุณยายหนูนามาโดยตลอด ทั้งสร้างบ้านพักอาศัยให้ใหม่ มอบเงินสำรองยังชีพและเครื่องอุปโภค บริโภค ปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัย รวมเป็นเงิน 88,500 บาท นอกจากนี้คุณยายหนุนา ยังได้รับเบี้ยยังชีพผุ้สูงอายุเดือนละ 700 บาท มาตั้งแต่ปี 2551 และเบี้ยยังชีพผู้พิการ เดือนละ 800 บาท มาตั้งแต่ปี 2559 และเทศบาลตำบลหนองบัว ได้ประสานสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย มาลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือด้วย ยืนยันว่ากรณีนี้ หน่วยงานภาครัฐ ไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด ให้การช่วยเหลือมาโดยตลอด แต่สภาพความเป็นอยู่ขึ้นอยู่กับบริบทสังคม ครอบครัว อย่างไรก็ตามได้ให้หน่วยงานมาติดตามช่วยเหลือในทุกมิติแล้ว
ด้านนายธนพงษ์ หร่องบุตรศรี อายุ 21 ปี หลานชาย กล่าวว่า ตนเองและญาติๆไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด ตนเอง น้องสาว และพ่อ อาศัยอยู่อีกคนละหมู่บ้าน แต่ก็แวะเวียนมาดุแลตลอดอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เนื่องจากตนเองต้องทำงาน โดยตนเองจะเป็นคนจัดหาอาหารและข้าวมาไว้ให้ โดยเงินส่วนหนึ่งก็ได้มาจากเบี้ยยังชีพผู้พิการและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1,500 บาท ที่ผ่านมาเคยพาคุณยายไปอาศัยอยู่ด้วย แต่คุ้นยายไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหม่ จึงขอกลับมาอาศัยที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง จึงได้ฝากญาติที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมาช่วยดูแลอีกทาง ส่วนที่นาจำนวน 8 ไร่ ก็ให้ชาวบ้านเช่าทำ เพื่อจะได้มีข้าวไว้รับประทาน ยืนยันทางครอบครัวไม่ได้ทอดทิ้งแต่อย่างใด กรณีที่มีข่าวนำเสนอออกไปว่าลูกหลานทอดทิ้งนั้น ทำให้ตนเองและคนในครอบครัวไม่สบายใจและเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาคนในครอบครัวและหน่วยงานภาครัฐดูแลมาโดยตลอด