อุดรธานี – “เสรีพิศุทธ์” ลุยอุดร รอบสอง ขู่เช็คบิล กกต.หลังเข้าสภา

 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายมังกร ยนตร์ตระกูล รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมคณะเดินทางมาหอประชุมโรงเรียนอุดรธรรมนุสรณ์ บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อปราศรัยหาเสียงช่วยลูกพรรค น.ส.กีรติกานต์ พิมานเมฆินทร์ ผู้สมัคร สส.เขต 2 จ.อุดรธานี โดยมีประชาชนเดินทางฟังการปราศรัยประมาณ 500 คน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เล่าถึงสมัยเดินทางมารับราชการตำรวจที่ อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งไม่รู้จักต้องเอาแผนที่มากางดู โดยต้องนั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟอุดรธานี แล้วต้องโดยสารรถบัสโดยสารสีส้มต่อ เมื่อถึงสถานีรถไฟ ได้นั่งรถสามล้อไป บขส. แต่สามล้อพานั่งไปรอบเมืองไม่รู้ไปที่ไหน ก่อนจะพาเข้า บขส.ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย สร้างรอยยิ้มให้ชาวบ้าน พร้อมกับอธิบายคำว่าประชาธิปไตย ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่ เพราะมีการซื้อเสียงจำนวนมาก มีการโกงการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยคือประโยชน์ของประชาชน อะไรก็ได้ที่ประชาชนได้ประโยชน์คือประชาธิปไตย


หลังจากนั้นได้มีพิธีสู่ขวัญผูกแขนให้กับ น.ส.กีรติกานต์ พิมานเมฆินทร์ ผู้สมัคร สส.เขต 2 นายนวคม เสมา ผู้สมัครเขต 8และนางนภา อินธิบาล ผู้สมัครเขต 6 เพื่อเป็นกำลังใจในการสู้ศึกเลือกตั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยว่า เดินทางมา จ.อุดรธานี หาเสียงช่วย เขต 2 เสร็จแล้วจะเดินทางไปที่ อ.นาแก จ.นครพนม พรุ่งนี้จะไปที่ จ.ขอนแก่น หาเสียงตามตลาด แล้วกลับไปหาเสียงที่กรุงเทพฯ 2 วัน ส่วนสองพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ขับเคี่ยวกันเป็นที่ 1 ถือว่าเป็นสิ่งดี เพราะทั้งสองพรรคเป็นฝ่ายประชาธิปไตย มีอุดมการณ์ตรงกับพรรคเรา คงจะสามารถร่วมทำงานกันได้ เพียงแต่ว่าเมื่อสองพรรคใหญ่ชูเรื่องแลนด์สไลด์ก็จะทำให้พี่น้องประชาชน ไปลงคะแนนให้มาก ฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน อาจจะดูดคะแนนเสียงจากเสรีรวมไทยไปมากพอสมควร อยากให้พี่น้องตระหนักตรงนี้ด้วย
“หากไม่มีคนอย่างผมเข้าสภา ก็จะไม่มีคนที่ช่วยปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ปราบปรามยาเสพติด หรือนักการเมืองประพฤติมิชอบ ขาดคนบริหารประเทศไป ผมอายุขนาดนี้ประสบการณ์ก็สูง มองประเทศชาติรู้เห็นปัญหาหมด เพียงแต่ประชาชนไว้วางใจเลือกให้ไปทำงาน สามารถทำงานได้ตามนโยบายที่วางไว้ ท่านพุทธทาสภิกขุ กล่าวไว้ว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แต่ประชาชนซื้อสิทธิขายเสียง มันจะเป็นประชาธิปไตยไหม๊ ประชาธิปไตยของท่านพุทธทาสภิกขุคือ คือประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเราต้องนำมายึดถือปฎิบัติ”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดเผยต่อว่า ฝ่ายรัฐบาลเดิมคือฝ่ายเผด็จการ เขามองว่าอย่างไรเขาก็ได้เสียงข้างน้อย แต่ว่าก็ยังพยายาม ที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ โดยใช้ สว.เป็นเครื่องมือ ถ้าหากคุณประวิตร คุณประยุทธ์ ได้เสียงข้างน้อย ก็จะใช้ สว.เลือกคุณประยุทธ์มาเป็นนายกอีกครั้งหนึ่ง เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งปกติจะบริหารประเทศไม่ได้ ก็จะซื้อ สส.จากพรรคตรงข้ามให้มาเป็นพวก เพื่อทำให้พรรคตัวเองมีเสียงข้างมากให้ได้ พรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจอย่างไร จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้หรือจะยอมเสียอะไรไป เช่น ให้ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีไป เพื่อให้ประวิตรกับประยุทธ์แตกออกจากกัน แล้ว สว.จะได้แบ่งออกไป เพื่อไทยจะได้ทำงานได้ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องของเพื่อไทย ถ้าไม่คิดทำอะไรฝ่ายเผด็จการก็จะเข้ามายึด
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยต่อไปว่า ส่วนการเรื่องตั้งล่วงหน้าที่มีปัญหา เพราะ กกต.มาจาก คสช.ที่แต่งตั้งกันมา อย่าว่าแต่การเลือกตั้งครั้งนี้เลย ครั้งก่อนก็ไม่สุจริตเที่ยงธรรม มีการโกงกัน แม้กระทั่งการนับคะแนน มี สส.ปัดเศษ หมายความว่า มีคะแนน 71000 พรรคที่ต่ำกว่าไม่ควรจะได้ แต่ก็ได้ถึง 9 พรรค เพื่อประโยชน์ของคุณประยุทธ์ ฝ่ายเผด็จการ มาครั้งนี้ก็เหมือนกัน ตั้งแต่เริ่มต้นก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง มีพฤติกรรมที่ไม่สุจริตมาตลอด เคยออกข้อกำหนดเพื่อให้พรรคการเมืองปฏิบัติ
“ผมในฐานะประธานปราบทุจริต เคยเชิญคุณแสวง บุญมี เลขา กกต.มาชี้แจงว่า คุณออกระเบียบเช่นนี้มาได้อย่างไร เอื้อประโยชน์ให้กับพรรครัฐบาล แต่ห้ามพรรคการเมืองฝ่ายค้านปฏิบัติ ผมถือว่าการทำงานของคุณไม่สุจริต และเที่ยงธรรม ก็ได้มีการนำไปแก้ไข ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็มีการทำงานไม่โปร่งใส คิดว่าถ้าจะเอาประเด็นต่างๆ ทีละประเด็นมันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย คิดว่าเมื่อเข้าสภาแล้ว จะขอตั้งกรรมการวิสามัญ เพื่อศึกษาเรื่องนี้โดยเฉพาะ เมื่อศึกษาเสร็จสิ้น ก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับ กกต.ชุดนี้ ส่วนวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ คิดว่าจะมีปัญหาเรื่องซื้อเสียงกันน่าดู” ..