อุดรธานี – ชาวบ้านถูกไล่ที่เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ

ตัวแทนชาวบ้านบ้านโนนสูง ต.โนนสูง เดือดร้อนถูกทางการไล่ที่ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี


ที่ สนง.ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดอุดรธานี มีตัวแทนชาวบ้านบ้านโนนสูง ต.โนนสูง อ.เมืองจ.อุดรธานี จำนวนหนึ่งที่มีบ้านอยู่อาศัยอยู่ริมถนน หมายเลข 2(อุดรธานี-ขอนแก่น) เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี โดยมี นายธิปัตย์ ชูนันธ์ นิติกรชำนาญการพิเศษ มารับหนังสือแทน นายเจษฎา ปานนะถึก ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ซึ่งติดราชการ

หลังจากรับหนังสือแล้วได้แจ้งให้ตัวแทนชาวบ้านว่าจะรีบนำหนังสือร้องเรียนของชาวบ้าน นำเสนอ ต่อนายวันชัย คงเกษม ผวจ.อุดรธานี และจะแจ้งผลการดำเนินการให้ตัวแทนชาวบ้านให้ทราบผลภายในเวลา 7 วัน

น.ส.กนกวรรณ โองขากาศ เปิดเผยว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินสายอุดรธานี-ขอนแก่น บ้านโนนสูงต.โนนสูง อ.เมืองจ.อุดรธานี จำนวนหนึ่ง ที่อยู่ในบริเวณที่จะมีการขยายพื้นที่ทำเป็นทางเข้านิคมอุตสาหกรรม อุดรธานี ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการดังกล่าวของกรมทางหลวง เนื่องจากว่า เมื่อวันที่ 2กุมภาพันธุ์ 2566 ที่ผ่านมา ชาวบ้านฯได้รับหนังสือราชการที่ระบุว่าเป็นหมวดการทางชัยพร(ที่คค.0620/16/66) ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของกรมทางหลวงแจ้งว่า ตามที่ชาวบ้านได้ปลูกสร้างอาคารร้านค้าหรือสิ่งอื่นใดในที่ดินเขตกรมทางหลวงของทางหลวงหมายเลข 2 ตอนโนนสะอาด-อุดรธานี บริเวณกม.441+000-441+500 ขาเข้าจังหวัดอุดรธานี ในท้องที่ตำบลโนนสูงอ.เมืองจ.อุดรธานี โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น

หมวดการทางชัยพร ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานรับผิดชอบในบริเวณดังกล่าว การกระทำของชาวบ้านดังกล่าวถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา 47 วรรค 1 พ.ร.บ.ทางหลวงพ.ศ.2535 มีโทษทั้งจำและปรับ พร้อมกับระบุในท้ายเอกสารดังกล่าวว่า ให้ทำการรื้อถอน/ทำลาย/ขนย้าย/สิ่งปลูกสร้างให้พ้นเขตทางหลวงภายใน 30 วันทำการ โดยหนังสือเอกสารดังกล่าวลงชื่อโดยนายศักดิ์สิทธิ์ ทิพยธร หัวหน้าหมวดการทางชัยพร

น.ส.กนกวรรรฯกล่าวเพิ่มเติมว่า พวกเราชาวบ้านเข้าใจดีว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มี น.ส.3 หรือโฉนด แต่ชาวบ้านได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อก่อนหน้านี้เป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า พ่อแม่ ก็ตายไปจนหมดแล้ว ซึ่งจากหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านต้องย้าย รื้อ อาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่มีอยู่ในเวลานี้ออกไปให้พ้นเขตทางหลวงภานในเวลาเพียง 30 วัน เป็นการสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักมากให้กับชาวบ้าน เพราะทุกวันนี้หาเงินก็อยาก ชาวบ้านอยู่อาศัยมานานแล้ว ลงทุนก่อสร้างด้วยเงินทุน การจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน การก่อสร้างใหม่ก็ต้องใช้เงินเป็นแสนน ๆ บาท มีชาวบ้านบางคนที่ไม่รู้หนังสือก็เซ็นชื่อไป ต้องหยิบยืมเงินเสียดอกเบี้ยร้อยละ 5 มาเพื่อรื้อถอนบางส่วน

ที่ตัวแทนชาวบ้านมายื่นหนังสือร้องเรียนนี้ ต้องการให้ทางการช่วยเหลือเยียวยาหาทางออกที่ไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะก่อนหน้านี้ทางหลวงก็ไม่เคยมาดูแล เพราะชาวบ้านสร้างสิ่งปลูกหลังแนวเสาไฟฟ้าแรงสูง และได้ให้ความร่วมมือกับทางหลวงทุกครั้งที่แจ้งให้ชาวบ้านขยับถอยหลังพื้นที่ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนมาก เพราะแนวเขตขยายกินพื้นที่อาคาร บ้านอยู้อาศัยร้านค้าครึ่งหลัง 4-5 เมตร และให้รื้อถอนภายใน 30 วัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องใช้เงินจำนวนเป็นแสนๆบาท

“พวกเราเข้าใจว่าพื้นที่บริเวณบ้านโนนสูง และใกล้เคียงเป็นที่ดินหลวง ไม่สามารถมีโฉนดได้ แต่พวกเราก็อยู่มาเป็นเวลาหลายสิบปี และก็ไม่เคยมีทางการหน่วยงานใดๆมาบอกหรือแจ้ง ขับไล่ชาวบ้านให้ออกไปจากบริเวณดังกล่าว มันจะมาทำแบบฉุกละหุกเร่งรีบไมได้ มันเป็นความผิดขาวบ้านหรือของทางการที่ไม่มีการดูแล” ตัวแทนชาวบ้านกล่าว