อุดรธานี – ‘บิ๊กโจ๊ก’ มาเอง แถลงลุยจับล่วงละเมิดทางเพศเด็ก 3 คดี

 


เมื่อเวลา 20.00น.วันที่ 7 กันยายน 2565 ที่ ห้องประชุม ภ.จว.อุดรฯ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รองผบช.ภ4, พลตำรวจตรีศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ร่วมแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ ศพดส.ตร. และชุดปฏิบัติการ TICAC สามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในพื้นที่ ภ.4 ได้ ทั้งหมด 3 คดี ประกอบด้วย

 

คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด TICAC ได้รับรายงานจาก ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเด็กหาย และเด็กถูกละเมิด
แห่งชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา (NCMEC) ว่ามีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ “MaoNamHer oh” มีการอัพโหลดสื่อลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้ใช้บัญชีดังกล่าวคือ นายรชต สนิทวงศ์ อายุ 26 ปี อาศัยอยู่ที่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายคัน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และคันหาหลักฐานประกอบในการกระทำความผิดในครั้งนี้ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 เวลาประมาณ 08.40 น. เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ 364/2565 ลงวันที่ 9 ส.ค.2565 เข้าตรวจค้นหอพักแห่งหนึ่ง ห้องหมายเลข 302 บ้านกอก ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พบนายรชตฯ อาศัยอยู่ภายในห้องดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นของผู้ต้องหาเอง ภายในโทรศัพท์ดังกล่าวพบสื่อลามกอนาจารเด็กจำนวนมาก โดยผู้ต้องหารับว่าได้ดาวน์โหลดภาพ และคลิปวีดีโอสื่อลามกอนาจารเด็กมาจากเว็บไซต์ VK และใน google มาเก็บไว้ในมือถือของตน

นอกจากนี้ ยังตรวจพบคลิปภายในโทรศัพท์ดังกล่าว ที่มีภาพของนายรชตฯ กระทำอนาจารเด็กผู้หญิง จากการสอบถาม นายรชตฯ รับว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ตนได้นัดเจอผู้หญิงซึ่งตนรู้จักผ่านแอพลิเคชั่น Tinder ซึ่งเป็นแอพหาคู่ในโลกออนไลน์ โดยตนจะคุยกับหญิงสาวไปในเชิงชู้สาว และได้นัดเจอเพื่อมีเพศสัมพันธ์กัน พร้อมกับถ่ายคลิปเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือของตน โดยจากการสืบสวนทราบว่า ผู้หญิงในคลิปคือ ด.ญ,แพร (นามสมมติ)อายุ ๑๔ ปี เศษ พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อประมาณเดือน มี ค.64 ผู้ต้องหาได้นัดหมายให้ ด.ญแพรฯ ออกมาพบตน


จากนั้นผู้ต้องหาได้พาไปที่ห้องพักแห่งหนึ่งใน ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น และผู้ต้องหาได้กระทำชำเรา ด.ญ.แพรฯ จนสำเร็จความใคร่ พร้อมกับถ่ายคลิปเก็บไว้ ต่อมาวันที่ 18 พ.ค.65 ผู้ต้องหาได้นำคลิปวีดีโอดังกล่าวไปเสนอขายต่อให้กับคนอื่นผ่านเว็บไซค์ VK ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นการกระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากสื่อลามกอนาจารเด็กที่ตนได้ทำหรือผลิตขึ้น เจ้าหน้าที่ตำวจชุดจับกุมจึง
จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชอนแก่น ดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “กระทำการค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการ ผลิต สื่อลามก ซึ่งเป็นการกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี, พราก และพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น”

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งพบเด็กหญิงชื่อ ด.ญ.ปลา (นามสมมุติ) อายุประมาณ 10 ปี เป็นบุคคลไม่ทราบสัญชาติ พูดจาสื่อสารภาษาไทยได้ มาขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบให้การช่วยเหลือ และได้ร่วมกับ พมจ.อุดรธานี ร่วมกันซักถามเบื้องต้นทราบว่าเมื่อประมาณเดือน เม.ย.65 ด.ญ ปลาได้ถูก นายเทพเสรี แซ่ก่อ ไปซื้อตัวเด็กจากแม่และพ่อเลี้ยงที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยให้เงินตอบแทน แล้วนำมาอยู่ด้วยที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี น.ส.อรสินี วัชรเดชวานิช เป็นผู้คอยดูแลเด็กอยู่ตลอดเวลา

ขณะที่พักอาศัยด้วยกัน ด.ญ.ปลา ได้ถูกนายเทพเสรีฯ และ น.ส.อรสินีฯ ล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงดุดำ ทุบตีเด็ก และยืดบัตรประจำตัวไว้ จนเมื่อวันที่ 29 ส.ค.65 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ น.ส.อรสินี  เผลอ ด.ญ.ปลา จึงแอบหนีออกมาจากห้องพักและไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน และสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกลำาวหาทั้งสองคนในความผิดฐาน “ร่วมกันพรากผู้เยาว์ และร่วมกันหน่วงเหนียวกักขังผู้อื่น และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี”

นอกจากนี้ จากการที่แม่ และพ่อเลี้ยงของ ด.ญ.ปลา ได้ทำการขายลูกของตนเองให้กับผู้อื่นนำไปแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ออกหมายจับมารดา และพ่อเลี้ยงของ ด.ญ.ปลา เพิ่มเติม และได้จับกุมตัวทั้งสองคน พร้อมหลักฐานการรับโอนเงิน จำนวน 10,000 บาท นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป
หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และเป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด” และได้ร่วมรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดฐาน “ร่วมกันค้ามนุษย์” เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด TICAC ได้รับรายงานจาก ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเด็กหายและเด็กถูกละเมิด
แห่งชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา (NCMEC) ว่ามีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียรายหนึ่ง มีการอัพโหลดสื่อลามกอนาจารเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก จึงได้ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ทำการสืบสวน พบว่า ผู้ใช้งานดังกล่าวคือ นายธนัญญา ไชยปัญญา อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 153 ม.5 ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายค้น เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและค้นหาหลักฐานประกอบในการกระทำความผิดในครั้งนี้

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ส.ค.65 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดอุดรธานี เข้าตรวจ
ค้น ที่ บ้านเลขที่ 153 ม.5 ต.บ้านหยวก อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี พบนายธนัญญาฯ พร้อมกับของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง ภายในพบภาพอนาจารเด็กกว่า 4,000 ภาพ และคลิปอนาจารอีกจำนวน 3 คลิป ซึ่งพบว่าเป็นคลิปที่นายธนัญญาฯ กระทำอนาจารเด็ก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนทราบว่า นายธนัญญาฯ มีอาชีพรับจ้างฝึกสอนเต้นแอโรบิกให้แก่นักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี และได้ทำการหลอกลวงเด็กที่มีอายุระหว่าง 8-13 ปี จำนวนหนึ่งมาบังคับข่มขืนและกระทำอนาจารอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า มีเด็กที่ตกเป็นเหยื่อรวมกันจำนวนมากถึง 1 7 ราย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุม นายธนัญญาฯ ดำเนินคดีในความผิดฐาน ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กฯ และกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ข่มขืนและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีฯ และ กระทำอนาจารเด็กอายุ ไม่เกิน 13 ปี นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.น้ำโสม ภ.จว.อุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้รับการประสานข้อมูลจากศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเด็กหายและเด็กถูกละเมิดแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NCMEC) ก็ได้เร่งดำเนินการออกสืบสวนติดตาม และจับกุมผู้ต้องหาโดยเร่งด่วนทันที ซึ่งกระทำมาอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศจนมาถึงพื้นที่ ภาค 4 ซึ่งคดีที่มีการจับกุมนี้ ยังมีผู้ที่กระทำผิดที่มีพฤติกรรมที่ภายนอกจะได้รับความไว้วางใจในการเข้าใกล้ชิดตัวเด็ก แต่ได้อาศัยความใกล้ชิดและความไว้วางใจดังกล่าวในการกระทำอนาจาร และแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากตัวเด็ก รวมทั้ง คดีที่ผู้ปกครองของเด็กยินยอมที่จะขายตัวเด็กเองเพื่อแลกกับเงินจำนวนหนึ่ง ดังนั้น เมื่อได้ทราบข้อมูลการกระทำผิด จึงต้องรีบเข้าช่วยเหลือและดำเนินคดีผู้กระทำผิดโดยเร็ว ในส่วนของเด็กและเยาวชนที่เป็นเหยื่อนั้น จะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ พม.จังหวัด เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือและดูแลคุ้มครองเด็กตามกระบวนการต่อไป