อุดรธานี (ชมคลิป) ตำรวจอุดร รวบหนุ่ม 39 อาการโรคประสาทกำเริบควงมีดพร้าฟันหัวย่า 79 ดับ ไล่ฟันชาวบ้านสาหัส 2 ราย 

 


วันที่ 30 กรกฎาคม 2565 เวลา10.00น. ขณะที่ ร.ต.ท.อรรฆฤทธิ์ เย็นสวัสดิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุชายอาการโรคประสาทกำเริบ คุ้มคลั่งอาละวาดใช้อาวุธมีดพร้าไล่ฟันขาวบ้านบาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บปานกลาง 4 ราย หลังผู้ก่อเหตุใช้มีดพร้าฟันศีรษะ นางทองสุข มันทะลา อายุ 79 ปี พี่สาวย่าแท้ๆนอนเสียชีวิตอยู่หน้าโรงเรือนเก็บของหน้าบ้านเลขที่ 328 ม.2 บ.โนนสูง ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี
หลังรับแจ้งได้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับขั้นรับทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.พัฒนวงศ์ จันทร์พล รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.วีระพล มูลบัวภา สว.สส.สภ.ย่อยโนนสูง พ.ต.ต.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี และกำลังตำรวจกว่า 20 นาย


พร้อมกับประสานแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ หน่วยกู้ชีพเทศบาลโนนสูงน้ำคำ นำผู้บาดเจ็บออมาจากที่เกิดเหตุทั้งหมด 5 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัสคือ นางประภาส นาสินสร้อย อายุ 70 ปี ที่ขี่จักรยานผ่านมาหน้าบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อจะไปเลี้ยงวัวที่ทุ่งนา ถูกฟันนิ้วมือขวาหวิดขาด จำนวน 3 นิ้ว และถูกฟันที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ 1 แผล ถูกนำตัวส่ง รพ.ศูนย์อุดรธานี แล้ว
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมาก โดยมีตำรวจชุดเผชิญเหตุพร้อมไม้ง่าม ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย กำลังเจรจาเกลี่ยกล่อมให้นายโอ๋ หรือนายกัสกร วงษ์ชาลี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 463 ม.2 ต.โนนสูง องเมืองอุดรธานี หลานชายเจ้าของบ้านที่เสียชีวิตให้ออกมามอบตัว แต่นายโอ๋ฯ ยังอยู่ในอาการหวาดระแวง เดินถือมีดเข้าออกประตูบ้าน ส่วนนางมะลิ วงษ์ชาลี อายุ77 ปี ย่าแท้ๆของนายโอ๋ และเป็นน้องสาวของผู้ตาย พาหลานชายวัย 3 ขวบ วิ่งเข้าไปหลบในห้องนอนทำการปิดล็อกประตูไว้ ทำให้นายโอ๋ เข้าไปทำร้ายไม่ได้
โดยผ่านไป 30 นาที หลังจากนายโอ๋ใช้มีดพร้าทุบกระจกประตูบ้านแตก และทำลายข้าวของ ก่อนที่จะกระโดดข้ามกำแพงรั้วหน้าบ้านออกมา หวังหลบหนี แต่ถูกตำรวจชุดเผชิญเหตุ กรูกันเข้าไปใช้ไม่ง่ามควบคุมตัวพร้อมของกลางมีพร้ายาว 40 ซม. จำนวน 1 เล่ม คุมตัวไปรักษาอาการเบื้องต้นที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และให้การวกวน โดยไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จำอะไรไม่ได้ ทำไมมีคนมามาก แม้แต่ชื่อตัวเองก็ยังบอกผิด ตรวจสอบในห้องนอนผู้ก่อเหตุ พบยารักษาอาการทางประสาท และใบรับรองการรักษาอาการ ไม่พบยาเสพติดและอุปกรณ์การเสพ ตรวจสอบประวัติไม่พบเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและติดเสพยาบ้าแต่อย่างได ตรวจสอบสภาพศพผู้ตายพบบาดแผลถูกฟันด้วยมีดพร้าที่ศีรษะ 2 แห่ง เป็นแผลฉกรรจ์ยาว 10 ซม. กว้าง 4 ซม.


จากการสอบสวน นางสาวอรปรียา ชารีงาม อายุ 45 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ ให้การว่า สามีเป็นคนไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่มีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก และมีอาการทางประสาท ก่อนเกิดเหตุสามีมีอาการหลอนเห็นปลิงและแมงมุงในห้องน้ำ และถือเสียมจะไปขุดหาเขียดรอบบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมีอาการคลั่งคุมตัวเองไม่ได้ ถือมีดกระโดดข้ามกำแพงรั้วหน้าบ้าน วิ่งถือมีดพร้าออกไปทำร้ายชาวบ้านที่ร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ห่างไปราว 200 เมตร ก่อนวิ่งกลับมาบ้านใช้ด้ามเสียมตีที่แขนขวาและท้ายทอยย่าแท้ๆคือ นางมะลิ วงษ์ชาลี อุ้มหลายชายวัย 3 ขวบ เข้าไปหลบซ่อนตัวในห้องนอน
“ส่วนตนเข้าไปห้าม เพราะสามีจะพังประตูห้องนอนเข้าไปทำร้ายย่ากับหลานชาย ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บถูกศอกที่ดั้งจมูกหัก ตนกลัวจึงรีบวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่สามีจะใช้มีดพร้าฟันศีรษะย่าทองสุข ที่ยืนอยู่หน้าโรงเรือนใช้สำหรับเก็บของจนเสียชีวิตคาที่ โดยได้ยินแต่เสียงย่าทองสุขร้องด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นสามีได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้าน ก่อนมีตำรวจและผู้นำชุมชนเข้ามาระงับเหตุ โดยเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา สามีโรคลมชักกำเริบหลายครั้ง และไม่ยอมหลบยอมนอนมา 2 คืน เนื่องจากไม่ยอมกินยารักษาอาการต่อเนื่อง เมื่อวานจึงพาไปหาหมอที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ก่อนมาเกิดเหตุสลดขึ้น”


นางสาวณิชากร อายุ 19 ปี หลานสาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนและภรรยาผู้ก่อเหตุที่มีศักดิ์เป็นน้า ได้พากันนำยารักษาอาการมาให้ผู้ก่อเหตุกิน เนื่องจากย่ามะลิฯ โทรศัพท์บอกพวกตนว่า น้าโอ๋มีอาการคุ้มคลั่ง พอมาถึงบ้านที่เกิดเหตุ ก็พบน้าโอ๋ ถือมีดถือไม้ไล่ทำร้ายชาวบ้าน ตนตกใจกลัวไม่กล้าเข้าไป แต่ภรรยาของน้าโอ๋ ได้เข้าไปห้ามจนถูกทำร้าย จึงพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่ตนก็เป็นห่วงลูกชายวัย 3 ขวบ ที่อยู่ในห้องกับย่ามะลิฯ ก่อนโทรศัพท์แจ้งตำรวจและผู้นำชุมชนเข้ามาระงับเหตุ
นายสุริยา แก้วไตรรัตน์ อายุ 61 ปี สท.โนนสูง-น้ำคำ เปิดเผยว่า ผู้นำชุมชนและชาวบ้านแจ้งไปว่า นายโอ๋ มีอาการคุ้มคลั่งอาระวาดไล่ทำร้ายชาวบ้าน และญาติพี่น้อง จนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จึงออกมาตรวจสอบ พบนายโอ๋ มีอาการคุ้มคลั่งทุบทำลายข้าวของภายในบ้าน ตนจึงร้องบอกนายโอ๋ ให้ตั้งสติและใจเย็นๆ นายโอ๋ได้วิ่งถือมีดออกมาหยุดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร จึงถอยออกมาห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ และประสานจนท.ส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันระงับเหตุ นำผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาเจรจาเกลี่ยกล่อม จู่ๆนายโอ๋ ก็วิ่งถือมีดพร้ากระโดดข้ามกำแพงออกมาเพื่อหลบหนี แต่ถูกตำรวจควบคุมตัวเอาไว้ได้โดยละม่อม ส่วนเรื่องที่นายโอ๋ เสพยาบ้าหรือไม่นั้นตนไม่รู้


พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุ ตำรวจได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ และเกลี่ยกล่อมให้วางอาวุมีดพร้าเข้ามอบตัว แต่ด้วยผู้ก่อเหตุมีอาการคุ้มคลั่งหวาดระแวง ได้ถือมีดกระโดดข้ามกำแพงออกมาจากบ้าน ตำรวจจึงใช้ยุทธวิธีควบคุมตัวเอาไว้ได้ ในเบื้องต้นตำรวจได้ควบคุมตัวไปทำการรักษาอาการที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และตรวจร่างกายอย่างละเอียด และแจ้งข้อกล่าวหา”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสง่า ลาดา อายุ64ปี บอกว่า ตนเองได้ยินเสียงผู้ตายร้อง จึงได้วิ่งไปส่องดูบ้านที่อยู่ติดกันเห็นผู้ก่อเหตุพูดขึ้นมาที่ของกู หลังจากนั้นก็มีดฟันผู้ตาย2 ครั้ง แล้วเมียผู้ก่อเหตุก็ได้วิ่งหนีออกจากบ้านมา ผู้ก่อเหตุก็วิ่งไล่ตามเมียออกมา แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน ใช้มีดฟันยายซ้ำอีก 2 ครั้ง ซึ่งในตอนนั้นตนได้แอบหลบมองดูทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวผู้ก่อเหตุเหมือนกันจะหันมาทำร้ายตน ยายได้แต่ร้องด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้กระโดดกำแพงวิ่งหลบหนีไปทางหน้าปากซอย ทำให้ชาวบ้านพากันแตกตื่นกลัวพากันวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง


นางลัดาวรรณ ศรีจันทร์หอม อายุ 63ปี บอกว่า ในขณะที่ตนกับชาวบ้านประมาณ 20 คน พากกันอยู่ในศาลากลางหมู่บ้าน เห็นผู้ก่อเหตุเดินออกมาพร้อมกับอาวุธ แล้วร้องถามคนที่จะโทรแจ้งตำรวจ แล้วผู้ก่อเหตุก็กลับเข้าไปทำร้ายคุณยายซ้ำอีก ทำให้ชาวบ้าน พากันวิ่งหลบหนีเข้าไปในบ้าน เพราะทุกคนกลัวจะได้รับอันตราย โดยผู้ก่อเหตุเป็นหลานของผู้ตาย แต่จะไปอยู่อีกชุมชนหนึ่งกับเมียของเขา ทุกเดือนหนึ่งครั้ง ผู้ก่อเหตุก็จะเข้ามาเยี่ยมยายทั้ง2 คน ที่บ้านบ้านหลังนั้น ปกติแล้วผู้ก่อเหตุเวลามาหายาย ก็เห็นไม่มีอาการคลุ้งคลั่ง แต่มาวันนี้เห็นโวยวายเสียงดังอาละวาทถืออาวุธด้วย ทำให้ชาวบ้านพากันหวาดกลัวกันไปหมดเพราะอยู่ใกล้ เห็นแต่ในข่าวทีวี แล้วมาเกิดขึ้นในชุมชนของเรา ตอนที่ผู้ก่อเหตุเดินออกมาจะตามมาทำร้ายภรรยาของเขา ที่ร้องของความช่วยเหลือ ทำให้ทุกคนกลัวกันไปหมด
ส่วนนางประภาพร ศรีจันทร์หอม อายุ 59ปี บอกว่า เมื่อเช้านี้ผู้ตายเดินออกมาพูดคุยกับตนที่ศาลากลางหมู่บ้าน โดยผู้ตายพูดเป็นลางขึ้นมาว่า เดียวอาจจะไม่ได้พูดคุยกันอีกต่อไป วันนี้ได้พูดคุยกันถึงเลขเด็ด ซึ่งผู้ตายบอกเลข44กับ01 เพราะที่ผ่านมาผู้ตายถูกหวยบ่อยมาก ถ้าผ่านไปวันนี้คงจะไม่ได้คุยกันอีกเลย การที่คุณยายพูดขึ้นมาแบบนี้เหมือนว่าผู้ตายอาจจะลางสังหรณ์อะไรสักอย่าง แล้วตนก็บอกกับผู้ตายว่าจะไปตัดหญ้า แล้วผู้ตายก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน หากวันนี้ตนไม่ไปตัดหญ้าก็จะนั่งคุยกัน แล้วคุณยายก็คงไม่ตาย พอมารู้ว่าคุณยายถูกฆ่าตายทำให้ขาอ่อนไปหมดเลย