ขอนแก่น (ชมคลิป) หนุ่มแค้นส่วนตัวยิงถล่มบ้านอริ แต่ถูกยิงสวนเข้าซี่โครงบาดเจ็บสาหัส

หนุ่มแค้นส่วนตัวยิงถล่มบ้านอริ แต่ถูกอริยิงสวนเข้าซี่โครงบาดเจ็บสาหัส ฝากปืนให้กู้ชีพก่อนขับรถยนต์หลบหนีไป ขณะที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน หลังเกิดเหตุหายตัวไปเช่นกัน สอบถามภรรยาไม่ทราบสาเหตุ ตำรวจเร่งสืบสวนหาสาเหตุ

            8 มิ.ย. 2565 ร.ต.อ.ประภาส ระวินู รองสว.(สอบสวน)สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.นางามว่า มีคนก่อเหตุยิงถล่มบ้านพักเลขที่ 214 ม.12 บ้านนางาม ต.นางาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น และเจ้าของบ้านยิงสวนกระสุนถูกคนก่อเหตุบาดเจ็บ แต่ไม่ยอมไปพบแพทย์และขับรถหลบหนี  ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุด้วย หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นจึงไปตรวจที่เกิดเหตุทันที และประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 4 ร่วมตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น

            เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูน ครึ่งไม้ มีรั้วปูนล้อมรอบ อยู่ภายในซอย ห่างจากถนนสายนางาม-โคกสูง ประมาณ 100 เมตร เป็นบ้านของนายภักดี ซื่อสัตย์ อายุ  36 ปี อาศัยอยู่กับภรรยาชื่อ นส. ดวงใจ ศรีพันดอน อายุ 34 ปี แต่ไม่พบตัวนายภักดี พบเพียงภรรยา ซึ่งทราบจากภรรยาว่า ขณะเกิดเหตุตัวเองเข้าห้องน้ำ  ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด แต่ไม่เห็นเหตุการณ์  เมื่อเสียงปืนสงบจึงออกจากห้องน้ำ ก็ไม่พบสามีแล้ว

               จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ารถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า สีน้ำเทาดำ ทะเบียน ยก-5535 ขอนแก่น มีรอยกระสุนถูกยิงที่ฝากระโปรงรถ กระจกหน้ารถ และยางรถด้านหน้าข้างซ้ายจนยางวแฟบ ส่วนคนก่อเหตุได้รับบาดเจ็บ ขับรถยนต์หลบหนีไป พบเพียงปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ที่ประตูทางเข้าบ้านจำนวน 7 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

              พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น  กล่าวภายหลังตรวจที่เกิดเหตุว่า จากการสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่า มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีบลอนทอง ทะเบียน กธ-319 ขอนแก่น จอดอยู่ข้างรั้วบ้านที่เกิดเหตุ หัวหน้ารถออกไปยังถนนใหญ่ มีชายอายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อสีแดง ลงจากรถไปยืนที่ข้างรั้วบริเวณประตูทางเข้าบ้าน แล้วตะโกนเรียกชื่อฝ่ายชายที่เป็นเจ้าของบ้าน จากนั้นก็ยิงปืนเข้าไปในบ้านหลายนัด ในขณะเดียวกันฝ่ายเจ้าของบ้านก็ยืนอยู่บนบ้านชั้นสองของบ้าน ยิงโต้ตอบทางหน้าต่าง และกระสุนถูกชายโครงของชายที่ก่อเหตุ จนต้องขึ้นรถขับออกไป  กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.นางาม ออกมาช่วยเหลือ แต่ชายคนก่อเหตุที่ได้รับบาดเจ็บ ปฏิเสธที่จะไปโรงพยาบาล   โดยได้ฝากกระเป๋าสีน้ำตาลซึ่งใส่อาวุธปืนขนาด 9 มม.ไว้กับเจ้าหน้าที่กู้ชีพด้วย  ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ขับรถหลบหนีไป ส่วนนายภักดี  เจ้าของบ้านนั้น หลังเกิดเหตุก็ไม่พบตัว แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด  ซึ่งจากการสอบถามภรรยา ก็ปฏิเสธว่าไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด ส่วนคนก่อเหตุก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร

              ซึ่งช่วงเกิดเหตุนั้นมีพลเมืองดี สามารถบันทึกภาพรถยนต์ของคนก่อเหตุเอาไว้ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบทะเบียนรถคันดังกล่าวว่า ใครมีชื่อเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งเมื่อทราบรายละเอียดเรื่องรถก็จะทราบได้ว่า ช่วงเกิดเหตุนั้น ใครคือคนใช้รถ และใครนำรถไปก่อเหตุยิงถล่มบ้านคนอื่น  หากถูกจับก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า อีกทั้งขณะนี้คนก่อเหตุถูกเจ้าของบ้านยิงบาดเจ็บ แต่ขับรถหลบหนี หากประชาชนพบเจอชายรายดังกล่าวพร้อมรถยนต์คันที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ สามารถแจ้งตำรวจ 191 ได้ทันที ส่วนเจ้าของบ้าน ที่ยิงสู้กับคนก่อเหตุนั้น ทราบว่าจะเข้ามอบตัวกับตำรวจสภ.มัญจาคีรี ในวันพรุ่งนี้ ส่วนสาเหตุการยิงกันในครั้งนี้ น่าจะเป็นความแค้นส่วนตัว ซึ่งจะได้มีการสืบสวนหาสาเหตุต่อไป

             นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายอุทัย ศรีชา และ นายสมบัติ หนักแน่น สองเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.นางาม ที่เก็บปืนของผู้ก่อเหตุเอาไว้ โดยนายสมบัติ หนักแน่น กู้ชีพ อบต.นางามเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้รับแจ้งจากแม่ค้าสลากฯที่อยู่บริเวณเกิดเหตุ ว่ามีคนยิงกันมีคนในรถถูกยิงไม่รู้ว่าเจ็บหรือตาย หลังรับแจ้งจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี และรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบแม่ค้าสลากฯ 3 คน แต่แม่ค้าสลากฯเป็นลม 1 คนเพราะเห็นเลือด และเห็นรถยนต์จอดอยู่ 1 คัน สอบถามแม่ค้าสลากบอกว่ามีคนถูกยิงในรถ จึงเข้าไปดูก็พบผู้ชายถูกยิงที่บริเวณซี่โครงกระสุนฝังไหน ชายดังกล่าวขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ไปโรงพยาบาลเพราะไม่อยากติดคุก จึงสอบถามชายที่ถูกยิงว่าจะให้ช่วยแบบไหนทำไมถึงบอกไม่อยากติดคุก ถ้าเจ้าหน้าที่ช่วยคือพาไปโรงพยาบาลเท่านั้น ก่อนจะสอบถามจึงทราบว่าคนเจ็บต้องการหลบหนีไม่อยากติดคุก พร้อมกับฝากปืนไว้ให้ 1 กระบอกซึ่งอยู่ในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล ก่อนจะโทรหาญาติซึ่งได้ยินคนเจ็บคุยกับญาติถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีการยิงกัน และญาติพูดด้วยความตกใจให้คนเจ็บรีบหนี คนเจ็บจึงมาขอปืนคืน ตนเองจึงบอกไปว่าคืนไม่ได้ตำรวจกำลังมาแล้ว ทำให้คนเจ็บรีบขึ้นรถขับออกไปทันที

              ขณะที่นายจิรชนนท์ แววไทสงค์ ผญบ.ม.12 เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ขณะนั้นอยู่ที่ทำการฯ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5-6 นัด สักพักมีรถยนต์วีโก้ขับผ่านหน้าที่ทำการไป จึงเข้าไปตรวจสอบที่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุพบปลอกกระสุนหลายนัดตกอยู่ และติดตามกู้ชีพไปตรวจสอบพบรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ริมถนน ซึ่งมั่นใจว่าเป็นรถยนต์ของผู้ก่อเหตุ แต่พอผู้ก่อเหตุที่บาดเจ็บเห็นรถกู้ชีพก็รีบขับรถหลบหนีไปอีกครั้ง ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นใคร.