ขอนแก่น(ชมคลิป)สาวใหญ่เมืองหมอแคนฮึดสู้ขอความเป็นธรรมจาก ผบช.ภาค 4 กรณีโดนล็อคล้อขณะที่ตนเองนั่งรอคนขับอยู่ในรถ

สาวใหญ่ชาวขอนแก่นฮึดสู้ขอความเป็นธรรมจาก ผบช.ภาค 4 กรณีโดนล็อคล้อขณะที่ตนเองนั่งรอคนขับอยู่ในรถ แต่ตำรวจ จราจรไม่ยอม ทั้งที่ขอร้องแล้ว ถ้าพูดตามหลักกฎหมายรถตนเองก็ไม่จอดแช่นิ่ง แต่เป็นการหยุดรถเพื่อเลื่อนไปข้างหน้าเท่านั้น

ความคืบหน้ากรณี นางวัชราภรณ์ ผ่องใส ชาว อ.เมือง จ.ขอนแก่น ออกมาร้องกรณีที่รถยนต์ของตนเองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองขอนแก่น ล็อคล้ออยู่ริมถนนหน้าตลาดก่อนถึงโรงพยาบาลขอนแก่น ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น มองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหลังตนเองจอดรถเปิดไฟเลี้ยวซ้ายไว้ โดยตนเองก็ยังนั่นรออยู่รถ  แต่ให้คนขับรถซึ่งเป็นลูกน้องลงไปซื้อน้ำปั่น 2 ถุง ไม่ได้จอดรถแช่นานอะไร เพียงแค่หยุดรถเท่านั้นไม่ใช่เป็นการจอดรถเพราะเครื่องยนต์ยังติดเครื่องอยู่  ซึ่งอีก2 ช่องทางการจราจรสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยสะดวก โดยมีประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ ประเภทพืชผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ เครืองดื่ม ที่มาวางขาย บนถนนฟุตบาท ต่างให้ความสนใจ ดูการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ต่าง วิพากษ์ วิจารณ์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากระทำเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 เม.ย.2564 ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้ไปเสียค่าปรับจำนวน 400 บาท แล้วที่สภ.เมืองขอนแก่น

โดยหลังจากนั้น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวขึ้นมาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสอง  ซึ่งผลการสอบสวนเสร็จสิ้นสรุปว่า ร.ต.อ.สุพิศม์ ไสยเลิศ รอง สว.(จร.) สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งเป็น จนท.จราจรที่ออกปฏิบัติหน้าที่กวดขันการจราจรทำการล็อคล้อในวันนั้น ไม่มีความผิดเพราะปฏิบัติหน้าที่โดยยึดกฏระเบียบและกฏหมายด้านการจราจรอย่างเคร่งครัด อีกทั้งไม่พบบุคคลใดนั่งรออยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ นางวัชราภรณ์ ผ่องใส ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาพยานและหลักฐานจากคลิปมือถือที่อาจจะมีผู้เห็นเหตุการณ์ในวันดังกล่าว  เพื่อนำเป็นหลักฐานในการร้องขอความเป็นธรรมกับ ผบช.ภาค4  โดยนางวัชราภรณ์ได้ให้สัมภาษณ์ ผสข.ว่าการลง พท.ครั้งนี้เนื่องจากต้องการความเป็นธรรมภายหลังจากทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จของ สภ.เมืองขอนแก่นได้ข้อสรุปว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนทำถูกต้องแล้ว ตนสงสัยว่าทำไมคณะกรรมการไม่มาถามตนเองบ้างว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร รวมทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ที่เป็นแม่ค้าพ่อค้าในวันเกิดเหตุ คณะกรรมการฯ ก็ไม่มาสอบถามเขา ฟังแต่ลูกน้องตนเองแล้วมาสรุปว่าลูกน้องตนเองทำถูกต้อง  โดยเฉพาะประเด็นที่ตนเองติดใจคือ คำให้การ ของ  รอง สว.(จร.) สภ.เมืองขอนแก่นที่ปฏิบัติหน้าที่ล็อคล้อรถของตนในวันนั้น บอกว่าไม่พบคนนั่งอยู่ในรถคันดังกล่าวตนจึงข้องใจมาก  ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่าจอดรถซ้อนคันนั้น ความจริงไม่ใช่การจอด แต่เป็นการหยุดรถชั่วคราวเพราะมีคนนั่งอยู่ในรถ และเครื่องยนต์ก็ติดเครื่องไว้อยู่ พร้อมตีไฟเลี้ยวชิดซ้ายไว้ ไม่ได้จอดซ้อนคันรถยนต์เลย เพราะตามคลิปที่ผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายไว้ ก็มีเพียงรถ จักรยานยนต์เท่านั้นที่จอดชิดขอบทาง  ซึ่งเรื่องดังกล่าว จนท.จราจรก็สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ให้เลื่อนรถไปข้างหน้าหากการจราจรติดขัดจริงๆ แต่ จนท.จราจรไม่เลือกวิธีการอลุ่มอร่วยเดินเข้ามาก็ล็อคล้อเลย คนนั่งอยี่ในรถก็บีบแตรบอกแล้วว่ามีความอยู่ในรถ แต่ จนท.จราจรไม่ยอมเอง

ด้านนายอดิศักดิ์  ไชยศรี อายุ 49 ปี พ่อค้าขายเนื้อวัวผู้เห็นเหตุการณ์ และเป็นผู้ถ่ายคลิปในวันเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ผสข.ว่า ตนเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่วินาทีแรกที่รถของนางวัชราภรณ์มาจอด โดยรถจอดได้ประมาณ 30 วินาที คนขับรถและผุ้หญิงอีกคนได้ลงจากรถไปซื้อน้ำปั่น  จากนั้นก็มี ตำรวจจราจรเดินมาล็อคล้อทันที ตนจึงเดินไปบอก ตำรวจจราจรคนนั้นว่า เจ้าของรถเขาเพิ่งลงมายืนซื้อน้ำปั่นอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง

แทนที่ จนท.จราจรเขาจะฟังแต่กลับเรียกตนออกไปเตือนว่าคุณขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ตนเลยถามว่าตนขัดขวางอะไรเพียงแค่บอกว่าเจ้าของรถอยู่ใกล้ๆ นี่เอง จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงคนบีบแตรในรถจึงรู้ว่ามีคนนั่งอยู่ภายในรถ ตนจึงทำการถ่ายคลิปมือถือเอาไว้

ด้านนางปราณี  ประเสริฐสุข อายุ 47 ปี แม่ค้าขายน้ำผลไม้ปั่น ให้สัมภาษณ์ ผสข.ว่าตนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเช่นกันเพราะตนเองรู้จักกับนางวัชราภรณ์เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นลูกค้าประจำ ในวันเกิดเหตุนางวัชราภรณ์ก็นั่งรออยู่ในรถโดยให้คนขับรถ และน้องผู้หญิงมารับเอาน้ำผลไม้ปั่น จำนวน 2 แก้ว ซึ่งตนก็ใช้เวลาทำไม่นาน ทำไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำไป เพราะตนก็รีบเร่งทำขายให้คนอื่นที่มายืนรอเช่นกัน  และในฐานะที่ตนเองเป็นแม่ค้า ตนก็อยากให้ตำรวจอลุ่มอร่วยให้กับประชาชนที่มาแวะซื้อของได้บ้าง เพราะแต่ละคนที่มาซื้อก็ไม่ได้จอดรถเป็นเวลานานอะไร พ่อค้าแม่ค้าแถวนี้จะได้ขายของได้บ้างปกติก็ขายของไม่ดีอยู่แล้ว  ยิ่งมาถูกช่วงโควิดระบาดอีกยิ่งแย่ไปกันใหญ่เลย