กาฬสินธุ์(ชมคลิป)สั่งปิดสถานบันเทิงพบหัวหน้าการ์ดผับดังปทุมธานีกลับบ้านติดโควิดเพิ่ม


ประชาชนชาวกาฬสินธุ์กลุ่มเสี่ยงนับพันคน แห่เข้าตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 หลังพบเป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสช่างแต่งหน้าติดเชื้อโควิด-19 ร่วมงานวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์รวมคน 4 ภาค เที่ยวตะวันแดง เดินซื้อของตลาดสด และกลุ่มเสี่ยงร่วมคอนเสิร์ตซองดูฮี พบนักดนตรีติดเชื้อโควิด-19 ในผับดังตากอากาศ ขณะที่ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์เรียกประชุมด่วนติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิด หลังพบชายวัย 33 ปี หัวหน้าการ์ด Brothere pub จ.ปทุมธานี เดินทางกลับบ้านอำเภอยางตลาดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย พร้อมประกาศสั่งปิดสถานบันเทิง 14 วัน และคุมเข้มงานรวมคนจำนวนมาก
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 13 เมษายน 2564 ที่บริเวณศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานเชิงรุกในการตรวจเชื้อผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเป็นชายอาชีพช่างแต่งหน้าวัย 26 ปี มาจาก จ.นครราชสีมา แล้วมาร่วมงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทย “เบิกฟ้าบัณฑิตพัฒนศิลป์ สู่แผ่นดินถิ่นอีสาน” ในระหว่างวันที่ 3-5 เมษายน 2564 ซึ่งวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์เป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งไทม์ไลน์พบไปเที่ยวผับตะวันแดงกาฬสินธุ์ เดินซื้อของตลาดสดทุ่งนาทอง โดยได้สัมผัสกับประชาชนคนกาฬสินธุ์ส่วนหนึ่งที่ตลาดสดทุ่งนาทอง สถานบันเทิงตะวันแดง และวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์
โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ มารอการตรวจหาเชื้อตั้งแต่เช้า ซึ่งมีทีม แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ที่ทำการปกครอง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ร่วมปฏิบัติภารกิจ คาดว่ากรณีดังกล่าวจะมีผู้มาตรวจตลอดทั้งวันประมาณ 600 คน
ส่วนกรณีงานคอนเสิร์ตซองดูฮี ของผับตากอากาศ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ ที่พบนักดนตรีชาว จ.ขอนแก่น มาร่วมงานแล้วกลับไปตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564 นั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่ามีกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมคอนเสิร์ตครั้งนี้กระจายใน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.นามน อ.สมเด็จ อ.ห้วยผึ้ง อ.เขาวง อ.ร่องคำ อ.ฆ้องชัย อ.หนองกุงศรี และ อ.กมลาไสย เบื้องต้นคาดว่ามีจำนวนกว่า 400 คน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกพบมีกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย ซึ่งพบมีอาการไข้ และน้ำมูกเข้าข่ายเกณฑ์สอบสวนโรคจำนวน 20 ราย กลุ่มเสี่ยงสูง 34 ราย กลุ่มเสี่ยงต่ำ 82 ราย ซึ่งทั้งหมดยังรอผลตรวจ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการติดตามและตรวจสอบ
จากนั้นเวลา 11.00 น.วันที่ 13 เมษายน 2564 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดและวางมาตรการป้องกัน โดยมีนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะเป็นเลขานุการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงล่าสุดวันที่ 13 เมษายน 2564 พบผู้ติดเชื้อรวม 3 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นหญิงวัย 35 ปี ได้เข้ารักษาตัวหายดีกลับบ้านแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อช่วงเดือนเมษายน 2564 หรือการระบาดระลอก 3 จ.กาฬสินธุ์ มีผู้ป่วยยืนยัน 2 ราย โดยคนแรกเป็นหญิง อายุ 28 ปี อาศัยอยู่ ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย ผลตรวจยืนยันเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2564 และผู้ป่วยรายที่ 2 ซึ่งเป็นรายล่าสุด เป็นชายอายุ 33 ปี ทำงานเป็นหัวหน้าการ์ดในสถานบันเทิง Brothere pub จ.ปทุมธานี ได้เดินทางกลับบ้านใน ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 ซึ่งยืนยันผลตรวจ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 จากโรงพยาบาลการุญเวช จ.ปทุมธานีพบติดเชื้อ โดยทั้ง 2 ราย ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ นอกจากนี้ยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ป่วยทั้ง 2 ราย และกลุ่มเสี่ยงสูงกลุ่มอื่นๆเบื้องต้น 3 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลยืนยัน
นายทรงพล กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อวันนี้ จึงได้มีคำสั่ง จ.กาฬสินธุ์ ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้แก่ สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการ อาบ อบ นวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เป็นเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 13 -26 เมษายน 2564 หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ และกำชับแต่ละอำเภอเข้มงวดในการจัดงานรวมคนจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้ประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์ ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT โดยการเว้นระยะห่าง ใส่แมส ล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิ ร่วมมือใช้แอปฯไทยชนะ พร้อมกับหลีกเลี่ยงแหล่งชุมชนแออัด เพื่อปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19