ขอนแก่น-ตื่นตัว ร่วมแชร์มุมมองความตกลงอาร์เซ็ป ชี้พร้อมปรับตัวรับผลกระทบและเตรียมใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่ โรงแรมอวานี ขอนแก่น แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดสัมมนาประชาพิจารณ์ “ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป” โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ เกษตรกร ผู้ประกอบการ SME นักวิขาการ และภาคประชาสังคมกว่า 100 คน ร่วมรับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความตกลงอาร์เซ็ป สำหรับเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากการปิดดีลอาร์เซ็ป รวมถึงได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองต่อการเตรียมตัวใช้ประโยชน์จากความตกลงอาร์เซ็ป และการปรับตัวรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การจัดสัมมนาประชาพิจารณ์ “ก้าวต่อไปของไทย หลังปิดดีลอาร์เซ็ป” ที่ จ.ขอนแก่น เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับความตกลงอาร์เซ็ป ซึ่งเป็นการตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) จะเป็นประโยชน์ต่อภาคเกษตรของไทยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะช่วยขยายการส่งออก และยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยรายการสินค้าเกษตรที่ไทยจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น อาทิ ผักผลไม้แปรรูปและไม่แปรรูป น้ำมันพืช ของปรุงแต่งจากธัญพืชและแป้ง แป้งมันสำปะหลัง แป้งสาคู สินค้าประมง อาหารแปรรูป และน้ำผลไม้ ในตลาดจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
นอกจากนี้ อาร์เซ็ปจะช่วยผู้ประกอบการไทยลดต้นทุนจากเกณฑ์กฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และยังเพิ่มทางเลือกในการสรรหาวัตถุดิบจาก 16 ประเทศมาผลิตสินค้า รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากประเทศสมาชิกที่นำเข้าสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป ในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ ก่อสร้าง ธุรกิจเกี่ยวเนื่องด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง การผลิตแอนิเมชั่น และค้าปลีก ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งประโยชน์ที่ได้รับและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และควรศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าไปลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

นายณรงค์ พูนพิพัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้สมาชิกอาร์เซ็ปจะลงนามในความตกลงโดยรัฐมนตรีการค้าจะเป็นผู้ลงนามโดยมีผู้นำประเทศเป็นสักขีพยานในความตกลงอาร์เซ็ป ซึ่งถือว่าเป็นความตกลงที่เกิดประโยชน์ในการขาย การค้าและการลงทุน เพราะประเทศไทยเรามีการตกลงเสรี 13 จังหวัด ของ 18 ประเทศ เป็นบทพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นครึ่งหนึ่งที่ให้การค้าไทยได้ขยายไปยังตลาดทั่วโลก ตอนนี้อาร์เซ็ป ก็จะเป็นความตกลงฉบับใหม่ที่พูดง่ายว่าจะทำให้การค้าของไทยโดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจการส่งออกต่างประเทศง่ายขึ้น การตกลงนี้เป็นการที่การค้าไทยจะเข้าสู่ตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น ในเรื่องของการค้ายังเป็นเรื่องของการสนับสนุนการลงทุนให้นักลงทุนจากต่างชาติได้มาลงทุนในประเทศไทยและยังให้ผู้ประกอบการไทยลงทุนในประเทศสมาชิกอาร์เซ็ปได้อีกด้วย