ศรีสะเกษ(ชมคลิป)3 ชาวบ้านเก็บเห็ดเฮ รอดคุก ตำรวจสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา เผย พยานหลักฐานไม่ครบองค์ประกอบความผิด-ไม่มีเจตนาบุกรุก-ลักทรัพย์


เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 9 ก.ค. พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ร้องทุกข์ดำเนินคดี กับ กลุ่มชาวบ้าน จำนวน 3 คน โดยกล่าวหาว่าบุกรุกสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเข้าไปหาเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต นั้น ล่าสุดคดีนี้จากการสอบสวนแม้ นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ ผู้กล่าวหาที่ 2 มอบอำนาจให้ เจ้าหน้าที่ของสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาที่ 1 ร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ทั้ง 3 คน ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกในพื้นที่สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ และเข้ามาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต
และต่อมา นายประธาน ได้มาถอนคำร้องทุกข์ไปจากพนักงานสอบสวน ก็ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป เนื่องจากเป็นการกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) แต่จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในภาวะปัจจุบันอยู่ในภาวะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการผ่อนปรนระยะ 5 ประกอบกับชาวบ้านทั้ง 3 คน ประกอบอาชีพเกษตรกรและรับจ้างทั่วไป หาเช้ากินค่ำ ทำให้เพิ่มความยากลำบากในการประกอบอาชีพ
ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ชาวบ้านทั้ง 3 คน ได้พากันไปเก็บเห็ดในป่าบ้านหนองม่วง-หนองสวง ต.หนองครก อ.เมืองศรีสะเกษ และได้เก็บเห็ด(เห็ดขม)ซึ่งขึ้นเองตามธรรมชาติมาได้เพียงเล็กน้อย ทำให้ยังไม่เพียงพอในการประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัว ขณะเกิดเหตุระหว่างเดินทางกลับจึงได้พากันแวะเข้าไปในสถานีเพาะกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ที่เกิดเหตุ ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นป่าเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ มีต้นไม้นานาพันธุ์ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้กลุ่มชาวบ้านดังกล่าว เข้าใจว่าน่าจะมีเห็ดขึ้นอยู่ จึงได้เข้าไปในป่าเพื่อเก็บเห็ดเพิ่มเติม
แต่ยังไม่ทันได้เก็บเห็ดก็มาพบกับ นายประธาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สอบถามถึงสาเหตุที่เข้ามาในที่เกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งชาวบ้านทั้ง 3 คน ยอมรับว่าไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาจริง เจ้าหน้าที่สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้รับมอบหมายจากนายประธาน จึงยืนยันที่จะดำเนินคดีกับชาวบ้านทั้ง 3 คน กรณีเข้ามาบุกรุกเข้ามาเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ร่วมกันไกล่เกลี่ยแล้วแต่ไม่เป็นผล
จากนั้น นายประธาน ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด มาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับชาวบ้านทั้ง 3 คน ทั้งนี้จากการพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุแล้วพบว่า ไม่มีการกร่น สร้างหรือเผา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน และไม่มีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจากการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสาม อีกทั้งสิ่งของที่ตรวจยึดได้จากชาวบ้านทั้ง 3 คน มีเพียงตะกร้าไม้จักสานคนละ 1 ใบ ภายในมีเห็ด(เห็ดขม) ซึ่งนำมาจากที่อื่นเพียงเล็กน้อย และเสียมขนาดเล็กคนละ 1 เล่ม อันเป็นอุปกรณ์เครื่องมือในการประกอบอาชีพในฐานะเกษตรกรเท่านั้น
และชาวบ้านทั้ง 3 คนก็มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.น้ำเกลี้ยง ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ อ.เมืองศรีสะเกษ อาจจะไม่ชำนาญเส้นทางและไม่ทราบว่าบริเวณที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ราชการ เนื่องจากมีสภาพเป็นผืนป่าที่กว้างขวาง แม้ข้อเท็จจริงจะครบองค์ประกอบภายนอก แต่พิจารณาจากพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้นเห็นว่า ชาวบ้านที่ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน มิได้มีเจตนาอันเป็นองค์ประกอบภายใน อันจะเป็นการกระทำผิดร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) การกระทำของทั้ง 3 คน จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดดังกล่าว ทางคดีจึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องชาวบ้านทั้ง 3 คน ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2).

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ รายงาน