อุดรธานี – “พ่อเลี้ยงเดี่ยว” วิ่งราวต้นกฐินร้านส้มตำ อ้างหาเงินซื้อนมให้ลูก

ตำรวจอุดร ตามจับโจรบาปวิ่งราวต้นกฐินแม่ค้าส้มตำ ร่ำไห้ยกมือไหว้ขอโทษสังคมอ้างตกงานนำไปซื้อนมลูก

พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.บรรเทิง ทัพโยธา รอง สว.สส.ฯ พร้อมด้วยชุดสืบสวน เข้าจับกุมนายวรวิทย์ คุณทวี หรือโดโด้ อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 404 ม.1 บ้านสามพร้าว ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี ที่หน้าบ้านพัก พร้อมด้วยของกลางรถ จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีแดง ทะเบียน 1กฮ 149 อุดรธานี ที่ใช้ก่อเหตุ และหลักฐานจากภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าบ้านเรือนประชาชน ในชุมชนหนองเหล็ก และกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครอุดรธานี ที่สามารถบันทึกตำหนิรูปพรรณคนร้าย และยานพาหนะได้อย่างชัดเจน ขณะขี่รถหลบหนี ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 17.20 น.วันที่ 14 พ.ย.2566 พ.ต.ต.วัฒพงษ์ จำนงอุดม สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายใช้รถ จักรยานยนต์วิ่งราวต้นกฐินสามัคคีที่เพิงขายส้มตำและไก่ปิ้งของ น.ส.เนาวรัตน์ ศักรบุตร อายุ 41 ปี ตั้งอยู่ริมถนนในซอยหนองเหล็ก ตรงข้ามแฟลตตำรวจรถไฟ ชุมชนหนองเหล็ก เขตเทศบาลนครอุดรธานี ไปต่อหน้าต่อตา น.ส.เนาวรัตน์ ขณะที่กำลังขายส้มตำให้ลูกค้าอยู่ แล้วคนร้ายขับรถหลบหนีไปพร้อมต้นกฐิน และต่อมา ตำรวจก็ออกสืบสวนติดตามตัวคนร้าย จนได้สืบทราบคนร้ายรายนี้คือนายวรวิทย์ ดังกล่าว จึงได้เข้าทำการจับกุมได้ในตอนกลางดึกที่บ้านพักดังกล่าว

จากการสอบสวน นายวรวิทย์ หรือโดโด้ ให้การรับสารภาพทั้งน้ำตาว่า เป็นคนก่อเหตุจริง เพราะจำนนด้วยหลักฐาน และให้การต่อไปว่าปัจจุบันตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป และตกงานมา 4-5 เดือน เพราะลาออกจากงานโรงผลิตน้ำดื่มในพื้นที่ อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี มาทำงานก่อสร้าง แต่ช่วงนี้ไม่มีงาน ที่ตนทำไปในครั้งนี้เนื่องจากตนไม่มีเงินซื้อข้าวสาร และนมข้นให้ลูกชาย 2 คน ที่อายุ 4 ขวบ และ 5 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติดภรรยา แต่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ และรักเขาเหมือนลูกในไส้

นายวรวิทย์ ให้การสารภาพอีกว่า ก่อนก่อเหตุได้ขับรถ จักรยานยนต์ของแม่ยาย ออกมาจากบ้าน เข้ามาในตัวเมืองอุดรธานี เห็นต้นเงินกฐินของแม่ค้าส้มตำ จึงอยากได้ และก่อเหตุอุ้มต้นเงินกฐิน ซิ่งรถหลบหนี ไปขึ้นสะพานข้ามคลองเลียบทางรถไฟ ท้ายซอยหนองเหล็ก 4 และไปถอดและแกะเอาเงินต้นกฐิน นับได้ 280 บาท มีธนบัตร 100 บาท 1 ใบ นอกนั้นเป็นธนบัตร 20 บาท ก่อนถึงโรงเรียนอุดรบอสโกวิทยา ที่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร ก่อนมาถูกตำรวจตามมาจับกุมตัวที่บ้าน หลังกลับจากรับจ้างเกี่ยวข้าว

“ตนไม่อยากทำเลย แต่ที่บ้านไม่มีขาวสารหุงและนึ่งกินเลยสักเม็ดเดียว และอยากขอโทษผู้เสียหาย และสังคมผ่านสื่อ และขอชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนเองก่อเอาไว้ รู้ว่ามันเป็นบาปกรรมหนัก ที่ไปขโมยต้นเงินกฐิน และวันนี้ตนไปรับจ้างเกี่ยวข้าวได้เงินมา 400 บาท นำไปซื้อข้าวสาร และนมข้นให้ลูกชายทั้ง 2 คนได้กิน และนำไปซื้อยาบ้าจากวัยรุ่นในหมู่บ้าน 1 เม็ด ราคา 40 บาท มาเสพ และติดเสพมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.3 เคนถูกจับเสพมา 2 ครั้ง ปัจจุบันนานๆจะเสพสักครั้ง เพื่อแก้เหนื่อย หากมีเงินซื้อมากก็จะเสพมากเป็นธรรมดา และเมื่อพ้นโทษออกมาตนขอสัญญาว่า จะเลิกเสพยา และไม่ก่อเหตุแบบนี้แล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายวรวิทย์ ไปทำการตรวจปัสสาวะพบมีผลเป็นบวก จากการเสพยาเสพติด ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ผู้อื่น โดยใช้ยานพาหนะในการพาทรัพย์นั้นหลบหนี และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ควบคุมตัว ส่ง พ.ต.ต.วัฒพงศ์ จำนงอุดม สว.สอบสวน เจ้าของคดีนำไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป