ศรีสะเกษ – เร่งอพยพชาวบ้าน-สิ่งของ หนีน้ำท่วม เตรียมรับมือพายุ “โนรู”

 

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีพายุฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 16 แห่งในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เต็มความจุเก็บกักเกินกว่า 100 เปอร์เซ็น และไหลล้นสปิลเวย์ทั้งหมด รวมถึงเขื่อนราษีไศล และเขื่อนหัวนา เกินความจุเก็บกักกว่า 100 เปอร์เซ็น เช่นกัน ประกอบกับน้ำจากเทือกเขาพนมดงรัก ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไหลลงมาสมทบ ทำให้ปริมาณน้ำในลำห้วยสายต่างๆ มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น และล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร วัดโรงเรียน และพื้นที่ทางการเกษตร ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะน้ำจากลำห้วยสำราญ ได้ไหลเอ่อเข้าท่วมชุมชนบ้านโปร่งสามัคคี หมู่ที่ 5 และบ้านยาง หมู่ที่ 7 ต.โคกจาน อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ รวมกว่า 200 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมสูงประมาณ 60-80 เซนติเมตร โดยนายศราวุธ ทรงโฉม นายอำเภออุทุมพรพิสัย พร้อมด้วย นายนิรุตย์ เกษกุล นายกเทศมนตรีตำบลโคกจาน ได้นำเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลืออพยพขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงอย่างโกลาหล เนื่องจากน้ำมาเร็วมาก พร้อมกับมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้เร่งอพยพชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณลำห้วยสำราญ ที่ถูกน้ำไหลเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนแล้ว จำนวน 3 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนโนนทรายทอง ชุมชนหนองอุทัย และชุมชนโนนกลาง โดยทางเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ได้จัดเตรียมหอประชุมอเนกประสงค์ และบริเวณใต้ถุนอาคารเรียน โรงเรียนเทศบาล 2 “รัชมังคลานุสรณ์” เป็นศูนย์อพยพผู้ประสบปัญหาอุทกภัย ทั้งนี้หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือโทร.045-612646 สายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน นายจำรัส สวนจันทร์ ผอ.โครงการชลประทานศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากผลการวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนสะสมปีนี้จะมากกว่าปี 2564 และมากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี และหากพายุไต้ฝุ่น”โนรู” ไม่อ่อนตัวลงเสียก่อน จะทำให้ปริมาณน้ำฝนสะสมเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำมูล มีระดับสูงขึ้นเล็กน้อยและจะคงที่ และลดลงต่อไปิส่วนระดับน้ำลำห้วยสำราญ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะคงที่ต่อไป ดังนั้นจึงขอให้เฝ้าติดตามพายุไต้ฝุ่น”โนรู”อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะเข้าประเทศเวียดนามช่วงในวันที่ 28-29 ก.ย. นี้ และเข้าประเทศไทย แถบจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป.

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน