อุดรธานี-ตำรวจจับน้องเมียร่วมพี่เขย “ฆ่าถ่วงน้ำ” หนุ่ม 21 ทำแผนรับสารภาพ ส่วนพี่เขยยังหลบหนี

เมื่อเวลา10 ​30น.วันที่ 28 กันยายน 2563 ที่หน้า สภ.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี,พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี ,พ.ต.อ.สมโภชนฺ ประจิตร ผกก.สภ.สร้างคอม พ.ต.ท.พัฒนศักดิ์ อาณัติอักษร รอง ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจสืบสวนสอบสวน ได้ทำการจับกุมตัว นายประเทพ หรือปาน จันทะเคน อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่191 ม.13 บ.ทุ่งกว้างพัฒนา ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันปิดบัง ซ่อนเร้น อำพรางศพ , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ”
พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้าย 1 คัน เสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่สวมใส่ในคืนที่ก่อเหตุ ยาบ้า 67 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ ถุงปุ๋ยสีเหลืองที่ตรวจพบในบ้านพัก และตรงกันกับถุงปุ๋ยที่ใส่ดินมัดกับศพผู้ตาย คือ นายกมล หรือหมู ชาติคำ อายุ 21 ปี ชาวบ้านผึ้ง ม.2 ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ถ่วงน้ำในอ่างเก็บน้ำบ่อนกเป้า ม.7 บ้านท่าเสียว ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ส่วนมือปืนคือ นายสิทธิรัชต์ หรือยีน ประชานันท์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 162 ม.2 บ้านผึ้ง ต.นาไหม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลบหนีไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย เหตุเกิดช่วงกลางคืนวันที่ 23 กันยายน 2563 ก่อนมีชาวบ้านที่เลี้ยงวัวมาพบศพผู้ตายลอยอืด ในช่วงเย็นของวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายประเทพ หรือปาน จันทะเคน คนร้ายให้การรับสารภาพว่า ตนและนายสิทธิรัชต์ หรือยีน ประชานันท์ ซึ่งเป็นพี่เขยอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกันกับตนเอง และร่วมกันก่อเหตุฆ่าผู้ตาย และช่วยกันเอาศพไปถ่วงน้ำจริง ซึ่งคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. ตนและพี่เขยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ110ไอ สีน้ำเงิน ไม่ติดป้ายทะเบียน โดยตนเป็นผู้ขับขี่ ส่วนพี่เขยนั่งซ้อนท้าย และเป็นผู้บอกเส้นทางให้ขับขี่ไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุนายยีนฯ พี่เขย ได้นำถุงปุ๋ยที่ซุกไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ออกมา โกยดินลูกรังใส่เตรียมไว้ก่อน แล้วนายยีนฯ ได้โทรศัพท์ให้ผู้ตายมาพบ เพื่อตกลงเรื่องหนี้สินจำนวน 3 พันบาท ซึ่งเป็นหนี้ค่ายาบ้าที่ผู้ตายยืมนายยีนฯ ไปเสพก่อน
ไม่นานนายหมูฯผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามมาถึงที่เกิดเหตุ และได้ร่วมเสพยาบ้ากันคนละ 1 เม็ด ช่วงระหว่างตนและผู้ตายกำลังนั่งเสพยาบ้านอยู่นั้น นายยีนฯได้เดินไปที่รถจักรยานยนต์ของตน ก่อนเดินมาด้านหลังผู้ตาย ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นจ่อยิงยิงใส่ที่กกหูซ้ายของผู้ตาย จำนวน 1 นัด เป็นเหตุให้นายหมูฯ ล้มลงเสียชีวิตคาที่ จากนั้นนายยีนฯ ได้ลากศพนายหมูฯ ไปยังบริเวณถุงปุ๋ยที่ใส่ดินเตรียมไว้ ใช้เชือกรัดปลายถุงปุ๋ยสีแดงผูกมัดติดกับร่างผู้ตาย ก่อนลากศพลงไปถ่วงในอ่างเก็บน้ำฯ นำกิ่งไม้กระถินณรงค์ปกคลุมศพผู้ตายไว้ ส่วนตนทำหน้าที่ส่องแสงสว่างจากโคมไฟที่ติดอยู่ศีรษะของตนเอง ให้กับนายยีนฯ ขณะนำศพผู้ตายลงไปถ่วงน้ำ ส่วนยาบ้าที่ตำรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุเป็นของ นายยีนฯ”
พล.ต.ต.พิษณุฯ เปิดเผยต่อว่า หลังก่อเหตุเสร็จ นายยีนฯ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไป โดยนายยีนฯ ได้โยนโทรศัพท์ของผู้ตายทิ้งลงในอ่างเก็บน้ำใกล้กับจุดถ่วงศพไว้ ก่อนแยกย้ายกันหลบหนีไป จนกระทั่งมีตำรวจมาที่บ้านของตนเอง เพื่อตรวจยึดของกลาง หลังยอมรับสารภาพได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่าผู้ตายนำศพไปถ่วงน้ำ ซึ่งหลังก่อเหตุ 3 วัน หรือวันที่ 26 ก.ย. 63 นายยีนฯ มือปืนได้บอกตนว่าห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกคนอื่น ก่อนหลบหนีออกจากบ้านไปพร้อมกับภรรยา คือพี่สาวของตนเอง โดยบอกจะไปทำงานที่ต่างจังหวัด รู้สึกเสียใจกับในสิ่งที่ตนกระทำกับผู้ตาย ส่วนนายสิทธิรัชต์ หรือยีน ประชานันท์ มือปืน ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดอุดรธานี มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ ตำรวจได้ควบคุมตัวคนร้ายไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ คนร้ายได้จุดธูปขอขมา และขออโหสิกรรม ตรงจุดที่ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต ก่อนควบคุมตัวกลับโรงพัก เพื่อส่งตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดอุดรธานี ขณะที่แม่ญาติผู้ตาย หลังทราบข่าวว่าจับคนร้ายได้ พากันเดินทางมาที่โรงพักจำนวนมาก เพื่อขอดูหน้าคนร้าย และขอให้ตำรวจติดตามมือปืนที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
ด้านนางสุญานี ชาติคำ อายุ 51 ปี แม่ของผู้ตายกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกชาย 2 คน ผู้ตายเป็นคนสุดท้อง และรู้สึกเสียใจที่ลูกชายของตนและคนร้ายไปมาหาสู่กันเป็นประจำ โดยเฉพาะมือปืนที่ลงมือก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมเปรียบเสมือนเป็นญาติกัน เพราะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และบ้านก็อยู่ตรงกันข้ามกัน ไม่คิดว่าจะใจดำโหดร้ายฆ่าลูกชายไม่พอ ยังนำศพลงไปถ่วงน้ำซ้ำอีก อยากขอให้ตำรวจติดตามจับคนร้ายอีกคน ให้ได้ ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ให้สมกับสิ่งที่มือปืนกระทำกับลูกชายของตน และยกมือพนมบอกดวงวิญญาณลูกชายให้นำทางตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่หลบหนีให้ได้โดยเร็ว
โดยเมื่อวานนำศพลูกชายจาก จ.ขอนแก่น มาฌาปนกิจศพที่วัดในหมู่บ้าน ซึ่งขณะกำลังจะเผาศพ เพื่อนบ้านที่สนิทกัน ได้สวดคาถาภาษาเขมร พร้อมกับนำใบบอนมาทาริมฝีปากของศพของลูกชาย เพื่อให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ววัน เพราะคนร้ายจะร้อนรนอยู่ไม่เป็นสุข และหลังจากเผาศพลูกชายเสร็จ ก็มีเพื่อนรุ่นพี่ของลูกชายมาบอกตนว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่นั่งสมาธิเห็นวิญญาณลูกชายมาหาและก้มกราบ และฝากบอกแม่ว่าอย่าร้องให้เสียใจมาก และวิญญาณของลูกชายเข้ามาในหมู่บ้านไม่ได้ เนื่องจากมีศาลปู่ตาปกป้องรักษา อยากให้เจ้าอาวาสวัดแผ่เมตตาให้กับดวงวิญญาณของลูกชายให้เข้ามานั่งสมาธิอยู่ในวัด และไม่ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อนอีกต่อไป