ผบช.ภ.4 แถลงทลายเครือข่ายจัดหาบัญชีม้าในพื้นที่อุดรฯ หนองคายเตือนผู้หลงผิดเงินที่ได้ไม่เท่าโทษที่ได้รับ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส พล.ต.ต.สรรธาน อินทร์จักร รอง ผบช.ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการจัดหาบัญชีม้า ประกอบด้วยหัวหน้าแก๊ง 1 ราย นายหน้า 6 ราย บัญชีม้า 13 ราย รวมเป็น 18 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี “ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอิ่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน”
และ ตามหมายจับ ของศาลจังหวัดอุดรธานี “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินฝากอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ” พร้อมของกลาง บัตรเอทีเอ็ม สมุดฝากบัญชีธนาคาร คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ และเงินสด
พ.ต.อ.จักรภพ ศรีจันทะ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจากสถาบันการเงินว่า มีการเกณฑ์คนไปเปิดบัญชีธนาคารบนห้างสรรพสินค้ามีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ตำรวจจึงออกไปตรวจสอบ พบ น.ส.อุ๊ กับ น.ส.เปีย ชาวอุดรธานี ซึ่งเป็นนายหน้ารวบรวมบัญชีม้า จึงควบคุมตัวมาสอบสวนแล้วทำการขยายผลจับกลุ่มที่พาไปเปิดบัญชีม้าอีก 2 คนคือ นายเดช กับ น.ส.วิ ชาวอุดรธานี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน จากนั้นได้ขยายผลกลุ่มที่เป็นม้าเปิดบัญชี 31 ราย เมื่อกลุ่มนายหน้าได้สมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม กลุ่มที่พาไปเปิดบัญชี ก็จะนำส่งให้ นายตั้ม ชาวอุดรธานี กับ น.ส.แต้ว ชาวหนองคาย จากนั้นก็รวบรวมบัญชีทั้งหมด 6,000 เล่ม นำส่ง น.ส.หมวย ชาวสกลนคร
“กลุ่มผู้ไปเปิดบัญชีจะได้รับค่าตอบแทนบัญชีละ 1,000 บาท ส่วนนายหน้าพาไปเปิดบัญชีได้ค่าตอบแทนคนละ 3000 บาท ส่วนผู้รวบรวมบัญชี น.ส.แต้ว กับ นายตั้ม จะได้เงินคนละ 6,000 บาท สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหา บัญชีม้าทั้งหมด 13 ราย กลุ่มพาไปเปิดบัญชี 3 ราย กลุ่มรวบรวมบัญชี 2 ราย รวม 18 ราย ที่เหลือมีการออกหมายจับ และ 8 ใน 13 รายบัญชีม้า มีชื่อในเคสไอดี ที่มีการแจ้งความไปแล้ว และ 2 ใน 8 คนที่แจ้งความไปแล้วที่ถูกจับกุมในคดีนี้ ได้ประสานร้อยเวร สภ.ปลวกแดง สน.ชนะสงคราม และทุ่งสองห้อง ให้มาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย”
ส่วน พ.ต.ท. วัชราทิตย์ เกิดทิพย์ สว.กก.การวิเคราะห์ข่าวกองบังคับการสืบสวน ภ.4 เปิดเผยว่า ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองหนองคาย ได้รับการประสานจาก ศปอส.ภ.4 มีบัญชีม้าตระเวนถอนเงินสด ในเขตพื้นที่ จ.หนองคาย ทางตำรวจสืบสวน ได้ติดตามและจับกุมผู้ต้องหาเป็นหญิงได้ 2 ราย พร้อมยึดของกลาง เงินสด 402800 บาท สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม บัตร ATM 6 ใบ มือถือ 3 เครื่อง จากการสอบสวน ผู้ต้องหาได้มีการซัดทอดชายและหญิง 2 รายอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล ซึ่งผู้ต้องหาได้รับจ้างถอนเงิน 1,000 บาท ต่อเงิน 1 แสนบาท พบผู้เสียหายทั้งหมด 10 ราย มูลค่าความเสียหาย 363,553 บาท และสามารถดำเนินการคืนเงินให้ผู้เสียหายได้ 3 ราย โดยรายแรก 11,206 บาท รายที่สอง 20,000 บาท และรายที่สาม 49,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80,206 บาท
พล.ต.ท.สันติ เปิดเผยว่า การเปิดบัญชีม้าจะมีลักษณะไปหลอกประชาชนให้เปิดบัญชี มีผู้เป็นธุระจัดหา วางแผนให้กลุ่มผู้ไปเปิดบัญชี รวบรวมบัญชีมา แล้วเอาไปให้เจ้าของคอกม้า นำไปใช้กระทำความผิดอีก กลุ่มพวกนี้จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ มันเป็นความผิดทางกฎหมาย ขอเรียนให้ทราบว่า เป็นการกระทำที่หลอกลวงประชาขชนกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล ในการขับเคลื่อน ปราบปราม แก๊งแสกมเมอร์ หรือผู้ที่กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ซึ่งส่วนประกอบหรือองค์ประกอบการกระทำความผิดส่วนนี้ต้องมีบัญชีม้า เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเข้ามาในบัญชีต่างๆ เหล่านี้ แล้วหลังจากนั้นก็ให้กลุ่มผู้กระทำความผิดบางส่วน ไปถอนเงินออกมาให้หัวหน้าองค์กรต่อไปอีก
“อยากประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทั่วไป ที่ได้รับการติดต่อ ได้รายได้จากการไปเปิดบัญชี จากนั้นเอาบัญชีและบัตร ATM ของตัวเอง ให้กับบุคคลอื่นไป เป็นความผิดทางกฎหมาย มีโทษจำคุก นี่ในส่วนพระราชกำหนด ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น หากในการสอบสวนพบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก บุคคลต่างๆ เหล่านี้ มีคำพิพากษามาแล้วว่า มีส่วนร่วมขององค์กรที่กระทำความผิดเป็นความผิดเรียงกระทงทั่วไป ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน อามิจสินจ้างเพียงเล็กน้อยที่นำมาให้บัญชีละ 1000 บาท มันเทียบไม่ได้เลยกับโทษที่ท่านจะถูกกฎหมายดำเนินคดี”
หลังจากนั้น พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ภ. 4 ได้มอบเงินคืนผู้เสียหายจากการโดนแก็งแสกมเมอร์
หลอก รายแรก 11,206 บาท รายที่สอง 20,000 บาท และรายที่สาม 49,000 บาท รายที่สี่ 66176 และรายที่ห้า 103,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดได้กระเช้าขอบคุณตำรวจ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
รัฐธนินท์ ถิรศิรเศรษฐ์ อุดรธานี
		ในประเทศ