“แม่ครูหลวง” ศูนย์ศิลปาชีพ 1 ใน 4 ทหารเสือราชินี ผ้าไหมไทยชนะเลิศทอผ้าขิดไหมส่งวังหลวงเสียใจพระพันปีสวรรคต

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านนางสุนา ศรีบุตรโคตร อายุ 80 ปี “แม่ครูหลวง” ชาวบ้านหนองอ้อ ต.หนองอ้อ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยมี ลูกสาว 2 คนคือ น.ส.กิตติมา ศรีบุตรโคตร เป็นพยาบาล,น.ส.วารุณี ศรีบุตรโคตร ครู กศน.อ.หนองวัวซอ ซึ่งเปิดเป็นโครงการส่งเสริมการทอผ้าขิดไหม มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เริ่มโครงการเมื่อ พุทธศักราช 2525 ภายในบริเวณบ้านได้ตั้งรูปภาพแม่ครูหลวงสุนารับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 จากการทอผ้าขิดไหมจากพระพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยคำทองคำและเหรียญทองคำ รวมน้ำหนัก 5 บาท และเกียรติบัตรจำนวนมาก และมีผ้าขิดไหมที่ทอด้วยลวดลายที่สวยงามย้อมด้วยสีธรรมชาติ

แม่ครูหลวงสุนา เปิดเผยว่า มีอาชีพเป็นเกษตรกร ทำไร่ ทำนา ปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้าตามบรรพบุรุษ แต่งงานมีลูก 5 คน ได้ทอผ้าไหม มัดหมี่ ผ้าโสร่ง ผ้าขิดฝ้าย สำหรับใช้ในครัวเรือน และนำไปแลกข้าวปลาอาหาร ต่อมาปี 2525 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แปรพระราชฐานยังพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร และได้เสด็จมากราบนมัสการ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี ในขณะนั้น ตนจึงได้ไปรับเสด็จ และนำผ้าขิดไหมที่ทอไปถวาย ซึ่งพระองค์ชมว่า “สวยมาก” และแต่งตั้งให้เป็นตนเป็น “ครูหลวง” จากนั้นก็มาตั้งทอผ้าให้ที่หมู่บ้าน สอนให้ชาวบ้านทอผ้าขิดไหม

แม่ครูหลวงสุนา กล่าวต่อไปว่า ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้แปรพระราชฐานที่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้รับสั่งให้ตนไปพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เพื่อไปสอนการทอผ้าขิดไหมให้นักเรียนซึ่งส่วนมากเป็นชาวเขา ประมาณ 1 เดือนกว่า นอกจากนี้ยังไปสอนในศูนย์ศิลปาชีพ จ.พระนครศรีอยุธยา และพระราชวังสวนจิตรลดา ทำให้ได้เรียนรู้ลายผ้าใหม่เรื่อยๆ ได้ทอผ้าขิดไหมลายใหม่ที่พระราชทาน ย้อมด้วยสีธรรมชาติ เสร็จแล้วก็จะส่งไปวังหลวง ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและมักจะส่งลายใหม่มาให้ทออยู่เป็นประจำ รายได้จะนำมาส่งลูกทั้ง 5 คนเรียนจนจบปริญญาตรี 
แม่ครูหลวงสุนา กล่าวต่อไปว่า เมื่อปี 2539 พระพันปีหลวงทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร ได้ส่งผ้าขิดไหมเข้าประกวดที่ลานคำหอม โดยมีทูตจากประเทศต่างๆ เป็นแขกเข้าชมด้วย ซึ่งผ้าของตนได้กวาดรางวัลอันที่ 1-รางวัลชมเชย ซึ่งรับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับพระราชทาน สร้อยคอพร้อมเหรียญทองคำหนัก 5 บาท และเงินสดจำนวนหนึ่ง และเมื่อส่งผ้าขิดไหมเข้าประกวดก็จะได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ทุกครั้ง ได้รับพระราชทานสร้อยคอพร้อมเหรียญทองคำหนัก 5 บาท 5 ครั้ง ซึ่งก็ได้มอบให้ลูกทั้ง 5 คน เพราะมีคุณค่าทางจิตใจมาก ลูกคนโตผู้ชายเป็นครู คนที่สองผู้หญิงเป็นพยาบาล คนที่สามผู้หญิงเป็นครู คนที่สี่ผู้ชายเป็นผู้จัดการสำนักงานไฟฟ้า และคนที่ห้าผู้หญิงเป็นครู (เสียชีวิต)
“นอกจากนี้ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น 1 ใน 4 ทหารเสือพระราชินีผ้าไหมไทยอีกด้วย โดยคนแรก แม่ครูหลวงคำสอน สระทอง ทอผ้าแพรวา จ.กาฬสินธุ์ คนที่สอง แม่ครูหลวงประจวบ จันทร์นวล ทอผ้าไหมมัดหมี่บ้านนาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ คนที่สาม แม่ครูหลวงวงเดือน อุดมเดชาเวทย์ ผ้าไหมมัดหมี่บ้านนาหว้า จ.นครพนม และคนที่สี่ แม่ครูหลวงสุนา ศรีบุตรโคตร ทอผ้าไหมลายขิด จ.อุดรธานี ซึ่งทหารเสือพระราชินีผ้าไหมไทยทั้ง 4 ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่จะมีอายุมากแล้ว และได้ส่งต่อความรู้การทอผ้าไหมต่อให้ลูกหลานไว้แล้ว”

แม่ครูหลวงสุนา กล่าวต่อไปว่า ถึงตอนนี้ตนก็ยังทอผ้าขิดไหม ตามลายที่ส่งมาจากวังหลวง เพราะสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา หรือพระองค์หญิง ทรงสืบสานและต่อยอดศูนย์ศิลปาชีพ จึงทำให้ไม่มีผ้าขิดไหมจากตนวางขายทั่วไป ซึ่งแม้จะมีอายุมากหูตาไม่ค่อยดีแล้วก็ตาม ก็จะมานั่งทอผ้าขิดไหมเหมือนเดิม โดยจะมีลูกสาวทั้งสองคนเป็นผู้สืบสานทอผ้าขิดไหมต่อจากตน เมื่อเดือนเมษายน 2568 ครอบครัวตนดีใจที่สุด เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้ฉลองพระองค์ชุดผ้าขิดไหม ลายมรดกโลก สีน้ำเงิน เสด็จกลับจากเยือนประเทศภูฎาน ซึ่งท่านข้าหลวงได้นำพระบรมฉายาลักษณ์มามอบให้ถึงบ้าน สร้างความปิติยินดีให้ครอบครัวหาที่สุดมิได้
แม่ครูหลวงสุนา ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกหลังทราบว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต ว่า ตนรู้สึกเสียใจมาก ร้องไห้เลย คิดถึงมากด้วย ถึงแม้ว่าตนจะไม่ทอผ้าไม่ได้ แต่จะให้ลูกหลานสืบทอดการทอผ้าขิดไหม ต่อไปจนถึงลูก หลาน เพื่อสืบทอดเป็นมรดกของแผ่นดินสืบต่อไป “ขอให้สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จสู่สวรรคาลัย”
รัฐธนินท์ อุดรธานี
ในประเทศ