หนองบัวลำภู – โจรปีนเสาไฟ ยกหม้อแปลงขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งอยู่บนเสาไฟไฟส่องสว่างเกาะกลางทางหลวงแผ่นดิน

ตร.สภ.ศรีบุญเรือง รุดลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมหมวดการทางโนนสัง ขึ้นโรงพัก หลังโจรปีนเสาไฟ ยกหม้อแปลงขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งอยู่บนเสาไฟฟ้าเป็นไฟส่องสว่างเกาะกลางทางหลวงแผ่นดิน 228 (ตอน ศรีบุญเรือง – วังหมื่น กม.60+400 )โจรตัดกระแสไฟอย่างชำนาญ นำลงมารื้อเอาทองแดงไปขาย ทิ้งไว้แต่ซากถังหม้อแปลงไว้ให้ดูต่างหน้า คาดโจรมีความชำนาญไฟฟ้า ขณะที่ทางหลวงแผ่นดิน 228 (ศรีบุญเรือง-วังหมื่น) ในรอบ 4 เดือนหายไปแล้ว 3 ตัว หากรวมกับหายที่ทางหลวงแผ่นดิน 210 (อุดรธานี-เลย) อีก 4 ตัว หายไปแล้วร่วม 8 ตัวมูลค่าความเสียหายร่วม 2 ล้าน ชุดสืบสวนเร่งดูกล้องวงจรปิดจากร้านค้าที่อยู่ใกล้ ไร้ผลงานการจับกุมของชุดสืบจังหวัด

เมื่อวันที่ 28 สค.68 เมื่อเวลา 13.00 น.นายชุตินันท์ โชติทรงทรัพย์ นายช่างโยธาชำนาญงาน ผู้ช่วยหัวหน้าหมวดทางหลวง หมวดทางหลวงโนนสัง แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู ขึ้นโรงพัก สภ.ศรีบุญเรือง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ร.ต.ท. อธิปพงษ์ พร้อมโภคิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีบุญเรือง กรณีมีการโจรกรรมหม้อแปลงไฟฟ้า ขนาด 30 Kva ซึ่งเป็นหม้อแปลงไฟส่องสว่างเกาะกลางถนน ร่วม 40 ต้น ซึ่งเป็นทรัพย์สินของกรมทางหลวง บนทางหลวงหมายเลข 228 ตอน ศรีบุญเรือง – วังหมื่น กม.60+400 ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าส่องสว่างดับ คาดว่าเร็วๆวันนี้บริเวณบ้านทุ่งพัฒนา ม.11 ตำบลเมืองใหม่ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำถู จึงแจ้งความเป็นหลักฐานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้กระทำผิดมาชดใช้ค่าเสียหายและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร่วมบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณป่าอ้อย ห่างจากร้านค้าจำหน่ายไม้ดอกไม้ผล ร้านเฟอร์นิจอร์ และรีสอร์ท ไม่เกิน 50-200 เมตร พบชิ้นส่วนซากหม้อแปลงถูกทิ้งกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ในสภาพที่มีน้ำขังไม่สามารถตรวจสอบร่องรอยคนร้ายที่ก่อเหตุ และจากการตรวจสอบพบทองแดงภายในหม้อแปลงถูกรื้อออกไปจนเกลี้ยง เหลือแต่ถังกล่องหม้อแปลงไฟฟ้า หรือ ปลอกใส่หม้อแปลง หรือ ถังหม้อแปลงไฟฟ้า ส่วนที่หายไปเรียกว่าใส้หมอแปลงไฟฟ้า เมื่อมองไปบนเสาไฟฟ้า ตรงจุดที่หม้อแปลงเคยติดตั้งอยู่พบสายไฟฟ้าถูกตัดออก ที่ฐานวางหม้อแปลงไฟฟ้าเหลือเพียงคานเหล็ก

สำหรับหม้อแปลงไฟแสงสว่าง ขนาด 30kva ที่ถูกโจรกรรม บน ทล.228 กม.60+400 ซึ่งหม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าว ทางหน่วยงานได้เชื่อมล็อคหม้อแปลงแล้วในช่วงเดือน มิ.ย.68 เพื่อให้ยากแก่การปลดล๊อก หรือใช้เวลาในการโจรกรรมนานกว่าปกติ แต่เท่าที่สอบถามชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียง ทุกคนไม่จะไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือก่อนพลบค่ำจะพบเห็นคนแต่งกายคล้ายพนักงานไฟฟ้ามีอุปกรณ์ครบมือ เลยมีมุมมองว่าอาจจะเป็นพนักงานการไฟฟ้าหรือบริษัทโทรศัพท์ที่มาเดินสายร่วม จึงไม่ได้เอะใจว่าเป็นขโมย จนมาทราบในเวลาต่อมาว่าไฟฟ้าส่องสว่างไม่ติด ก็ไม่ได้เดินดูว่าจะมีหม้อแปลงไฟอยู่หรือไม่ นี่คือคำตอบของชาวบ้านที่ผ่านไปมาหรืออยู่ในละแวกจุดเสาไฟ

หลังนายชุตินันท์ฯผู้ช่วยหัวหน้าหมวดทางหลวงโนนสัง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน ร.ต.ท. อธิปพงษ์ พร้อมโภคิน รอง สว.(สอบสวน) สภ.ศรีบุญเรือง จากนั้น พ.ต.อ.กัมปนาท เศรษฐ์ฤทธิกุล ผกก.สภ.ศรีบุญเรือง สั่งการให้ พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ อัคฮาต รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.ท.สุทัศน์ ไพบูลย์ รอง ผกก.สส.ฯพ.ต.ท.ชัยญา เขื่อนแก้ว สว.สส.ฯพร้อมด้วย ร.ต.อ.ยงยุทธ แสงนิล ด.ต.ไตรภพ หาญเชิงชัย ด.ต.มาโนทย์ บุญประคม ส.ต.อ.วราวุฒิ สาน้อยรอง ชุดสืบสวน สภ.ศรีบุญเรือง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดที่หม้อแปลงไฟฟ้าถูกโจรกรรม พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดร้านค้าและรีสอร์ท ที่ใกล้เกิดเหตุ ร่วมกับเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงโนนสัง ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลให้ไฟฟ้าแสงสว่างดับ เป็นเหตุให้ประชาชนที่สัญจรไป – มา เกิดความไม่สะดวกปลอดภัย และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง ทำให้เกิดการสูญเสียงบประมาณของแผ่นดินอีกด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุขโมยทองแดง หม้อแปลงไฟฟ้า มาดำเนินคดี

ขณะที่นายชุตินันท์ฯผู้ช่วยหัวหน้าหมวดทางหลวง หมวดทางหลวงโนนสัง กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานทำลายหรือทำให้เสียหายแก่ทางหลวง ตามมาตรา 43 และต้องระวางโทษ ตามมาตรา 72 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2549 นอกจากนั้น ยังเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 335 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1ปี ถึง 5ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนทรัพย์สินที่เสียหายและสูญหายนั้นด้วย

จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนผู้อาศัยอยู่บริเวณสองข้าง ทางหลวง บริเวณใกล้เคียง และผู้ใช้ทาง โปรดช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นผู้กระทำผิด หรือสงสัยจะกระทำผิด สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แขวงทางหลวงหนองบัวลำภู จึงขอให้ท่านประชาสัมพันธ์ให้ทราบทั่วกัน และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่ามาจนถึงวันนี้ยังไร้ร่องรอยและเบาะแสของคนชั่วที่สร้างวีรกรรม อีกทั้งผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพ หรือเป็นผู้มีความชำนาญเรื่องไฟฟ้าเป็นอย่างดี และคงก่อเหตุในยามค่ำคืน เรื่องนี้คงชี้ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.หนองบัวลำภู ชุดสืบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู และ สภ.ศรีบุญเรือง หาข่าวเพื่อนำแก๊งมิจฉาชีพนี้มาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ขณะที่ผ่านมาเมื่อวันที่(19 พค.68)ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณจุดที่หม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่าง โดนขโมยลักตัดหม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 30 KVA ชิงเกิ้ลเฟส บนทางหลวงแผ่นดิน 228 (หนองบัวลำภู-ชุมแพ) ร่วมกับ นายชิตชัย ชิณบุตร ผช.นายช่างไฟฟ้าแขวงทางหลวงบัวลำภู ที่ได้รับมอบหมายจาก นายวีระพงษ์ พันธุชาติ นายช่างไฟฟ้าแขวงทางหลวงหนองบัวลำภู ถึง 2 จุด

จุดที่ 1 คือ ทางหลวงหมายเลข 228 ศรีบุญเรือง-วังหมื่น กม.75+215 สะพานห้วยนากุง ต.บ้านพร้าว อ.เมืองหนองบัวลำภู และ จุดที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 228 ศรีบุญเรือง-วังหมื่น กม.63+700 ก่อนถึงบ้านดินทรายอ่อน ต.หัวนา อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ซึ่งทั้ง 2 จุดที่ขโมยลอบลักตัดหม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างตรงเกาะกลางของถนนทางหลวงหหมายเลข 228 จะมีเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จุดละ 40 ต้น รวม 80 ต้น ซึ่งแต่ละจุดจะอยู่ห่างจากชุมชนและสถานที่ราชการประมาณ 800-1,000 เมตร โดยทั้ง 2 จุดผู้อำนวยการแขวงทางหลวงหนองบัวลำภู สั่งการให้หมวดการทางโนนสังเข้า แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 นายบรรเจิด พรสินชัย นายช่างโยธาชำนาญงาน หัวหน้าหมวดทางหลวงหนองนาคำ อำเภอหนองนาคำ จังหวัดขอนแก่น ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีบุญเรือง สืบเนื่องจาก ทล.สาย 228 ตอนห้วยสายหนัง-ศรีบุญเรือง ที่ กม.47+950 RT.กม.48 บ้านหนองบัวน้อย ต.ศรีบุญเรือง อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ถนนเชื่อมไปยังอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ถูกโจรกรรมส่งผลให้ไฟส่องแสงสว่างดับ เป็นเหตุให้ประชาชนที่สัญจรไป – มาบริเวณดังกล่าวมืดมิด เกิดความไม่สะดวกปลอดภัย และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง ทำให้เกิดการสูญเสียงบประมาณของแผ่นดินอีกด้วย บริเวณเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จำนวน 10 ต้นมืดดับ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้เฝ้าติดตามข่าวหม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างของแขวงทางหลวงหนองบัวลำภู ไม่ว่าจะเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 210 (อุดรธานี-เลย) มีขโมยลักหม้อแปลงไฟฟ้าส่องสว่างบนทางหลวงแผ่นดินดังกล่าว ไปแล้ว 5 จุด เริ่มตั้งแต่รอยต่อบริเวณเขื่อนห้วยหลวง(จังหวัดอุดรธานี) มาที่บริเวณบ้านโนนทัน และ บ้านห้วยเดื่อ ต.โนนทัน อ.เมืองหนองบัวลำภู จุดบริเวณสถานีไฟป่าหนองบัวลำภู ต.หนองบัว อ.เมืองหนองบัวลำภู และจุดที่อำเภอนาวัง จ.หนองบัวลำภู ก่อนหน้านี้ หากรวมๆหม้อแปลงไฟฟ้าที่มิจฉาชีพลักหม้อแปลงไฟบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 228 จำนวน 3 จุด รวมทั้งสิ้น 8 จุด/หม้อ รวมๆมูลค่าความเสียหายร่วม 2,000,000 ล้านบาท

สุภัชรกานต์ แก้วสิงห์ ขตว.หนองบัวลำภู

ในประเทศ

Related posts