แม่ร่ำไห้สุดเวทนาลูกสาวพิการซ้ำซ้อน พิการทางสมอง เป็นใบ้ ขาเป๋ วัย 27 ปี อยู่บ้านตามลำพังถูกคนร้ายบุกเข้าบ้านข่มขืนกลางวันแสก ๆ หลังเจ็บท้องต้องเข้าโรงพยาบาล พบว่าตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน แม่รู้ความจริงถึงกับเป็นลม เข้าแจ้งความตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 จนคลอดลูกเป็นชายออกมาได้ 7 เดือน ยังไร้วี่แววคนร้าย แม่ร่ำไห้ต้องหยุดงานมาเลี้ยงหลาน ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว วอนให้จับคนร้ายมาชดใช้ความผิด
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.บุสดี มะโนศิลป์ อายุ 52 ปี โดยแจ้งว่า น.ส.สมฤทัย ปู่บุตรชา หรือจิน อายุ 27 ปี บุตรสาว ที่พิการซ้ำซ้อนตั้งแต่กำเนิด ถูกคนร้ายเป็นชายไม่ทราบจำนวน บุกเข้ามาในบ้านแล้วข่มขืนกระทำชำเรา จนตั้งท้องและคลอดลูกเป็นเด็กผู้ชาย อายุ 7 เดือน แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.สร้างคอม แต่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งลูกสาวให้ข้อมูลผ่านภาษามือว่า คนร้ายเป็นคนขับรถส่งน้ำดื่มถัง 20 ลิตร ตามหมู่บ้าน แต่ยังไม่มีการนำตัวมาสอบสวนพิสูจน์ความจริง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือด้วย
สำหรับบ้านที่เกิดเหตุเป็นปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิดพบ น.ส.บุสดี ผู้เป็นแม่ ได้นำผู้สื่อข่าวชี้จุดเกิดเหตุ บริเวณห้องโถงในบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่ น.ส.จิน นอนพักผ่อนอยู่ ก่อนจะถูกคนร้ายเข้ามาข่มขืน และบริเวณชานหน้าบ้าน จุดที่วางถังน้ำดื่มเป็นจุดที่ น.ส.จิน บอกแม่ด้วยสัญญาณมือว่าคนร้ายคือชายคนที่มาส่งน้ำดื่มพร้อมบอกให้ตำรวจมาจับกุม
น.ส.บุสดี กล่าวว่า ตนมีลูก 4 คน น้องจิน เป็นคนที่ 2 พิการตั้งแต่กำเนิด พิการทางสมอง เป็นใบ้ แขนขาอ่อนแรง เดินไม่สะดวก ส่วนสามีเก่าของตนเสียชีวิตไปนานแล้ว และมีสามีใหม่คือนายไพฑูรย์ ศรีหาวงษ์ อายุ 59 ปี ลูกชายคนโตทำงานที่กรุงเทพฯ ลูกสาวคนที่ 3 และลูกชายคนที่ 4 ยังเรียนหนังสืออยู่ ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพขับรถเร่ขายผักผลไม้ จะไปค้าขายตามหมู่บ้านกับสามีใหม่ น้องจินจึงต้องอยู่บ้านตามลำพัง ซึ่งไม่รู้ว่าน้องจินถูกกระทำวันไหน แต่ต้องเป็นช่วงกลางวันที่ไม่มีคนอยู่ด้วย ซึ่งมีวันหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว น้องจินโทรไปหาแม่ ส่งเสียงเหมือนจะบอกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อกลับมาตอนค่ำน้องจินก็ทำท่าทางชี้ไปที่วางถังน้ำดื่ม ตนก็นึกว่าจะบอกว่ามีคนมาส่งน้ำ แต่ก็เอะใจพอสมควร
“จนมาวันที่ 21 มีนาคม ตนกลับมาที่บ้านตอนค่ำ น้องจินมีอาการปวดท้อง ตนก็คลำท้องดู ก็พบว่าท้องแข็ง ตอนแรกนึกว่าเป็นไส้ติ่ง จึงรีบพาไป รพ.สร้างคอม เมื่อหมอตรวจอย่างละเอียด ก็พบว่าน้องจินตั้งครรภ์ได้ 34 สัปดาห์ หรือ 7 เดือนกว่าแล้ว เมื่อตนรู้ถึงกับเป็นลม เมื่อตั้งสติได้ก็ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.สร้างคอม กระทั่งวันที่ 26 เมษายน น้องจินได้เจ็บท้องคลอด จึงรีบพาไป รพ.เพ็ญ แต่ก็คลอดเองบนรถพยาบาล ตอนแรกกังวล เพราะหมอบอกว่าอาจจะต้องผ่าคลอด เนื่องจากน้องจินกล้ามเนื้อ ไม่แข็งแรง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี เด็กออกมาก็แข็งแรงสมบูรณ์”
น.ส.บุสดี กล่าวต่อไปอีกว่า เรื่องคดีความตำรวจได้นำตัวนายไพฑูรย์ สามีใหม่ และชายวัยรุ่นในหมู่บ้านไปตรวจดีเอ็นเอไว้ เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม แต่ข้อมูลที่น้องจินบอกแม่และตำรวจ คือสงสัยชายวัยรุ่นที่มาส่งน้ำดื่มที่บ้าน ยังไม่มีการตามตัวมาสอบสวนหรือเก็บดีเอ็นเอ ตนสอบถามน้องจินเมื่อไหร่ ก็ส่งสัญญาณยืนยันว่าเป็นชายส่งน้ำดื่มกระทำ ชี้ถามรถส่งของอย่างอื่นน้องจินก็บอกไม่ใช่ ตนจึงมั่นใจว่าจะเป็นชายส่งน้ำ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ส่งน้ำแล้ว ไม่รู้ว่าไปทำงานอะไรที่ไหน ครั้งสุดท้ายที่ชายส่งน้ำดื่มมาที่บ้าน เขาก็เห็นว่าเด็กคลอดแล้ว เขามีท่าทางเงียบก้มหน้า ไม่สบตา ตนก็ยิ่งสงสัย จึงให้ลูกสาวอีกคนแอบถ่ายรูปไว้
“หลังจากน้องจินคลอดลูกชายแล้ว ได้ตั้งชื่อว่าน้องเจฟ (ด.ช.ธาดา ปู่บุตรชา) ตอนนี้อายุ 7 เดือนแล้ว หลานแข็งแรงดี เลี้ยงง่าย ไม่งอแง ตนก็ต้องหยุดงานไม่ได้ออกไปขายของ ต้องมาคอยเลี้ยงหลานชายและลูกสาว มีเพียงรายได้จากนายไพฑูรย์ สามี ที่ต้องออกไปตัดไม้เผาถ่านเป็นรายได้ เงินส่วนหนึ่งก็มาจากเงินคนพิการของลูกสาว ซึ่งก็ไม่เพียงพอใช้จ่าย ตอนนี้ลำบากมาก บางวันก็ไม่มีเงินซื้อนมให้หลาน คิดแม้กระทั่งจะชงนมข้นให้กิน แต่ก็ยังโชคดีที่สามีคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด อยากให้จับคนร้ายมารับโทษ ทุกข์ทรมานมานานหลายเดือนแล้ว น้องจินพิการถึงขนาดนี้ ยังจะมาข่มเหงรังแกกันได้ ไม่รู้จิตใจเขาทำด้วยอะไร”
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ก่อนนี้ตนก็เป็นพ่อหม้าย มีลูก 3 คน มาอยู่กินกับ น.ส.บุสดี ตั้งแต่ปี 2563 หลังเกิดเรื่องตนก็ต้องทำงานตัดไม้เผาถ่าน หาเงินให้ลูกๆไปโรงเรียน ตนรักลูกทุกคน เลี้ยงน้องจินมาเหมือนกัน สงสารน้องจินมาก ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ต่อไปก็จะยังดูแลกันแบบนี้อีก จะไม่ทิ้งไปไหน สงสารเขา ภรรยาก็ป่วยเป็นเบาหวาน ทำงานหนักไม่ได้ เมื่อรู้ว่าน้องจินถูกข่มขืน ตนก็แค้นใจมาก อยากตบหน้ามันสักที ตนแค้นจนไม่มีอะไรจะพูด ส่วนที่ว่าสงสัยตนแล้วตรวจดีเอ็นเอ ตนไม่ติดใจ เพราะตนบริสุทธิ์อยู่แล้ว ตนไม่ได้ทำ
ในเวลาต่อมานางรณิดา เหลืองธิติสกุล รอง ผวจ.อุดรธานี พ.ต.อ.กานต์ ตั้งวิจิตร ผกก.สภ.สร้างคอม พ.ต.ท.ธานินทร์ อินทร์กอง รอง ผกก.สอบสวน สภ.สร้างคอม น.ส.อนินทิตา รุจิประภา พมจ.อุดรธานี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สร้างคอม ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เพื่อชี้แจงขั้นตอนการทำงาน และการช่วยเหลือในเบื้องต้น สร้างความดีใจให้กับครอบครัวของน้องจินเป็นอย่างมาก น.ส.บุสดีฯ แม่น้องจิน ถึงกับร้องไห้ก้มกราบขอบพระคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ
นางรณิดาฯ เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่องก็ลงพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนี้ทันที ความคืบหน้าคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ทางตำรวจก็จะได้ให้มาชี้ตัวและออกหมายจับอีกครั้ง คนกระทำผิดจะได้ไม่ลอยนวล ต้องมีการติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เรื่องการเป็นอยู่ ทาง อ.สร้างคอม และ พมจ.อุดรธานี ก็จะเข้ามาช่วยเหลือแบบชั่วคราวในทันที จะมอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือเบื้องต้น และได้แนะแนวทางให้ พมจ.มาดูแลเรื่องครอบครัวอุปถัมภ์ เกณฑ์คือแม่ไม่อยู่เลี้ยงดูลูก เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ แต่เรื่องนี้แม่เป็นผู้พิการและถูกกระทำ ได้แนะนำให้ทำหนังสือไปถึงกระทรวงทันที เพื่อขอยกเว้นในกรณีนี้ได้หรือไม่ หากยกเว้นได้ก็จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 2,000 บาท จนกว่าเด็กจะอายุครบ 18 ปี
พ.ต.ท.ธานินทร์ฯ เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งเหตุเราก็ได้ทำการสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด แต่เนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิการ สื่อสารกันด้วยความลำบาก แต่ก็ได้ใช้วิธีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ นำตัวพ่อเลี้ยงและชายต้องสงสัยในหมู่บ้านไปตรวจดีเอ็นเอ ก็พบว่าไม่ใช่ ดีเอ็นเอไม่ตรงกัน ก็จะต้องกลับมาสอบปากคำผู้เสียหายอีกครั้ง โดยผ่านทางแม่ที่ต้องเป็นล่าม ส่วนประเด็นคนส่งน้ำดื่ม ผู้เสียหายยืนยันชี้ตัว ก็พบว่ามาส่งน้ำในห้วงที่คาดว่าจะเกิดเหตุ คนส่งน้ำจะมากัน 2 คน แต่ผู้เสียหายยืนยันว่าทำแค่คนเดียวก็จะต้องเก็บพยานหลักฐานให้ครบ และจะออกมาหมายจับอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ และต้องนำตัวมาตรวจดีเอ็นเอ เพื่อความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย