เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร.พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จ.อุบลฯ ร่วมกันแถลงข่าว จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ก.ย.65 ที่ผ่านมาสื่อโซเซียลมีเดีย ได้นำเสนอคลิปวีดีโอ เกิดเหตุทำร้ายร่างกายกันที่บริเวณร้านอาหารซิ๊กตี้นายบาร์ เลขที่ 69 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนพังประตูร้านเข้าไปทำร้ายร่างกาย น.ส.จุทามาศ อายุ 23 ปี, นายปฏิวัติ อายุ 19 ปี และนายสุรวิสิฐ อายุ 33 ปี พร้อมกับทำลายกล้องวงจรปิดภายในร้าน และนำฮาร์ดดิสของกล้องวงจรปิดของร้านที่เกิดเหตุไปด้วย โดยกลุ่มชายดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับแก๊งหาดวัดใต้ ที่เคยใช้อาวุธยิงกันกับแก๊งเสือขามใหญ่ มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมานั้นต่อมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ลคความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจต่อหน้าประชาชนเป็นจำนวนมาก และยังมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มแก๊งที่เคยใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงถล่มกันใน พื้นที่ จ.อุบลราชธานี โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานีเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย จากการรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนปากคำผู้เสียหาย ทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่ก่อเหตุ มีนายเอกรินทร์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งมีสาเหตุเกิดจาก น.ส.จุทามาศ ผู้เสียหาย มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับหญิงคนสนิทของนายเอกรินทร์ ทำให้ยกพวกทำร้ายร่างกาย น.ส.จุทามาศฯ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนได้รับบาดเจ็บต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 7 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานีมีนายเอกรินทร์ อายุ 45 ปี ,นายกิรินทร์ อายุ 25 ปี, นายอรรถพล อายุ 30 ปี ,นายยศกฤศ อายุ 29 ปี, นายวุฒิพงศ์ อายุ 27 ปี ,นายสุรชาติ อายุ 27 ปี และนายชุมพร อายุ 32 ปี โดยกล่าวหาว่า ปลันทรัพย์ และร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ในเวลากลางคืนและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นอีกคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุลงมือกระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาที่เคยก่อเหตุใช้อาวุธสงครามยิงกันกลางเมืองอุบลราชธานีมาแล้ว เชื่อว่ายังมีผู้ก่อเหตุอยู่อีก ดังนั้นจึงต้องเร่งขยายผลจับกุมตัวมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดให้หมดทุกราย ซึ่งหลังจากนี้จะสั่งการให้ทาง ภ.จว.อุบลราชธานี มีมาตรการในการป้องกันเหตุลักษณะเช่นนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุรุนแรงเกิดซ้ำรอยขึ้นมาได้อีก พี่น้องประชาชนชาวอุบลราชธานีจะได้อยู่กันโดยสงบสุข มีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่านี้ ลดความหวาดกลัวภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุดสำหรับคดีดังในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี นั้นเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 3 ส.ค.65 ที่ผ่านมา บริเวณลานอุบลสแควร์ อ.เมืองจ.อุบลราชธานี โดยมีการนำอาวุธปืนสงคราม อาวุธปืนพกสั้นนานาชนิด ยิงปะทะกัน ระหว่างแก๊งขามใหญ่ (ร้านพญายอ) และแก๊งหาดวัดใต้ (ร้านเอกมัย ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนปากคำพยานมากกว่า 61 ปาก สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวนทั้งสิ้น 20 ราย (แก๊งขามใหญ่ 7 ราย , แก๊งหาดวัดใต้ 13 ราย) จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว จำนวน 18 ราย (แก๊งขามใหญ่ 6ราย , แก๊งหาดวัดใต้ 12 ราย) หลบหนี 2 ราย (แก๊งขามใหญ่ 1 ราย , แก๊งหาดวัดใต้ 1 ราย) โดยสำนวนการสอบสวนอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน
ภาพ/ข่าว : ยงยุทธ ผูกพันธ์ อุบลราชธานี