กาฬสินธุ์ (ชมคลิป) สั่งเบรคออกใบอนุญาตสร้างฟาร์มเลี้ยงหมูขี้เหม็นกระทบชาวบ้าน

สั่งเบรคออกใบอนุญาตสร้างฟาร์มเลี้ยงหมูขี้เหม็นกระทบชาวบ้าน นายก อบต.สหัสขันธ์ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ลั่นในช่วงแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นขี้หมูจากฟาร์มเอกชน ที่กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพชาวบ้าน ระงับการออกใบอนุญาตสร้างและขยายฟาร์มเลี้ยงไก่และเลี้ยงหมูในพื้นที่อย่างเด็ดขาด ขณะที่ผู้กำกับการ สภ.สหัสขันธ์ระบุ กรณีชาวบ้านผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว จึงไม่ต้องเรียกใครมาสอบปากคำ จากกรณีชาวบ้าน 2 ใน ต.สหัสขันธ์ และต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อนสาหัส จากกลิ่นเหม็นของขี้หมู ที่โชยออกมาจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน 16 ฟาร์ม โดยมีผลกระทบจากมลภาวะเป็นพิษทางอากาศ ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวปวดประสาทและเจ็บป่วยด้วยโรคทางลมหายใจ เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบแก้ไข มีการล่ารายชื่อ และร้องทุกข์กล่าวโทษเอกชนและผู้เลี้ยงหมู ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ล่าสุดทางนายอำเภอสหัสขันธ์ ได้เรียกทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมเพื่อหาข้อสรุปในการแก้ปัญหาร่วมกัน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศในหมู่บ้านถ้ำปลา หมู่ 3 และหมู่ 11 ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ยังคงถูกปกคลุมด้วยกลิ่นเหม็นของขี้หมูเป็นระยะ ตามจังหวะที่กระแสลมพัดพามา ขณะที่นายธวัชชัย บุญทานันท์ นายก อบต.สหัสขันธ์ พร้อมผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ อบต.สหัสขันธ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นของขี้หมูในฟาร์ม และให้กำลังใจเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูอย่างต่อเนื่อง นายนิติชัย ประเสริฐสุข นักวิชาการส่งเสริม ตัวแทนบริษัทเอกชนที่เข้ามาทำการส่งเสริมเลี้ยงหมู กล่าวว่า รูปแบบของฟาร์มนั้น เป็นแบบมาตรฐานที่บริษัทนำมาใช้ เกษตรกรหาผู้รับเหมาเอง ส่วนกลิ่นเหม็นของขี้หมู เกิดจากการบริหารจัดการบ่อบำบัดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยเป็นบ่อดินที่เกษตรกรทำเอง จึงเป็นบ่อกำจัดของเสียที่ไม่ได้มาตรฐาน เกิดการพังทลาย ทำให้พื้นที่กักเก็บของเสียลดน้อยลง หลังเกิดปัญหาพยายามจะดำเนินการแก้ไข ซึ่งการแก้ไขปัญหาระยะสั้นมีทั้งใช้สารอีเอ็มสำหรับดับกลิ่น และทำม่านน้ำเพื่อดูดซับกลิ่น ไม่ให้กระจายออกไปสู่ชุมชน นายนิติชัยกล่าวอีกว่า เนื่องจากหมูที่เลี้ยงในแต่ฟาร์มมีจำนวนนับพันตัว และกำลังตัวโตขึ้น การให้อาหารก็เพิ่มมากขึ้น จึงเกิดมูลหมูในปริมาณมากขึ้นด้วย ในขณะที่ระบบการกำจัดของเสียยังไม่สมบูรณ์ จึงเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นเหม็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะได้เร่งแก้ไข โดยในระยะระยาวคือจะมีการติดตั้งระบบถุงแก๊ส ซึ่งจะเป็นการทยอยทำ…

Read More

ขอนแก่น (ชมคลิป) ‘ไส้กรอกอารมณ์ดี’ พ่อค้าไส้กรอกย่างไปด้วย ร้องคาราโอเกะด้วย

 พ่อค้าไส้กรอกอารมณ์ดี ผลิตและจำหน่ายไส้กรอก ใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างปิ้งขายพร้อมกับร้องเพลงคาราโอเกะให้ลูกค้าฟังด้วย     ที่ตลาดศรีเมืองทอง เทศบาลนครขอนแก่น นายวัลลภ ด่านชัยภูมิ  อายุ 66   ปี  อยู่บ้านเลขที่ 500/93 ชุมชุนเทพารักษ์ 3  เทศบาลนครขอนแก่น พ่อค้าขายไส้กรอกคาราโอเกะ  ที่สร้างจุดเด่นการขายไส้กรอกด้วยรสชาติที่อร่อยไม่ซ้ำใคร  เพราะเป็นไส้กรอกที่ผลิตเอง  ที่สำคัญการขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างขายก็เปิดคาราโอเกะร้องเพลงที่ชื่นชอบไปตามจุดต่างๆที่ไปจอดขายให้กับลูกค้าด้วย นายวัลลภ กล่าวว่า  ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นเทศกิจ เทศบาลนครขอนแก่น  หลังจากเกษียณแล้ว หันมาประกอบอาชีพค้าขาย คือการขายไส้กรอกอีสานและไส้กรอกวุ้นเส้น จากความชื่นชอบการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ  จึงตัดสินใจเข้าประกวดร้องเพลงของรายการไมค์ทองคำ 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 8  โดยใช้ชื่อในการประกวดว่า  ถึงจะไม่ได้รับรางวัลก็ไม่เสียใจ เพราะต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น    ถึงแม้จะไม่ได้รางวัลก็ไม่เป็นไร  ส่วนอาชีพขายไส้กรอกนั้น ขายมาก่อนที่จะไปประกวดร้องเพลง  หลังจากนั้นก็มีไอเดียในการร้องคาราโอเกะระหว่างที่ขายไส้กรอกไปด้วย  ซึ่งได้ทำในสิ่งที่ชอบ  และเพิ่มจุดขายให้กับไส้กรอกของทางร้านด้วย  ทำมานาน 5-6 ปีแล้ว  ทำให้มีลูกค้าสนใจและเป็นที่รู้จักมากขึ้น “ ถือเป็นเอกลักษณ์ เพราะมาขายลูกค้าจะได้ยินเสียงเพลง จะรู้ว่าเรามาแล้ว เพลงที่เปิด ที่ร้องสามารถร้องได้ทุกแนว ส่วนใหญ่เป็นเพลงลูกทุ่ง  เส้นทางที่ขายไส้กรอกจะเริ่มตั้งแต่ 05.00 น. เริ่มที่ตลาดสดอรจิระ  จากนั้นมาต่อที่ตลาดบางลำพู  และจุดที่ 3 คือตลาดศรีเมืองทอง  ขายหมดประมาณบ่ายโมงก็ซื้อผักสด วัสดุอุปกรณ์เตรียมขายในวันต่อไป ไส้กรอกเราทำเอง จึงคัดสรรวัตถุดิบเอง ควบคุมการผลิตเองได้ มีไส้กรอกวุ้นเส้นข้อละ 15 บาท  และไส้กรอกอีสานไม้ละ 20 บาท ขายดีทั้งสองอย่าง เฉลี่ยขายวันละ 500 ข้อ ไม่รวมที่ผลิตส่งขายต่อให้กับเจ้าประจำ 5 รายปีนี้ตั้งใจจะเข้าประกวดรายการไมค์ชิงทุนด้วย  ”

Read More

(ชมคลิป) นครพนม ตม.ภาค4 ร่วมจิตอาสาพัฒนาแลนด์มาร์คพญาศรีสัตตนาคราช ส่งเสริมการท่องเที่ยว

  วันที่ 24 พ.ค. 66 ที่บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม พลตำรวจตรี พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นประธานนำคณะส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และประชาชนจิตอาสา ร่วมกันในการจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จปรเมนทรรามาธิบดีศรีมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยร่วมกันทำความสะอาดปรับปรุง ภูมิทัศน์ บริเวณแลนด์มาร์ค ลานพญาศรีสัตตนาคราช ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ มากราบไหว้สักการะขอพร ให้สะอาดและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เส้นทางชมทัศนียภาพตลอดแนวฝั่งแม่น้ำโขง เป็นที่ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน ทำให้พี่น้องประชาชนเห็นความสำคัญในการช่วยกันรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัดนครพนมอีกด้วย โดยเริ่มต้นทำความสะอาดโดยรอบลานพญาศรีสัตตนาคราช กวาดทำความสะอาดถนน ทางเท้าและตลอดเส้นทางทางวิ่งจักรยานริมแม่น้ำโขง ไปถึงหน้าวัดโพธิ์ศรี และหน้าตลาดอินโดจีนริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งมีหน่วยงานมาร่วมในครั้งนี้ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ นรข. อบจ. เทศบาล ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 210 ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมาก

Read More

ศรีสะเกษ (ชมคลิป) ชาวบ้านระทมถูกเพลิงเผาบ้านวอดทั้งหลังซ้ำลุกลามไหม้อีก 2

  เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 66 นายศักดิ์ชาย ไชยสาร ผู้ใหญ่บ้านยาง หมู่ที่ 6 ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุเพลิงไหม้ บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 6 บ้านยาง ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานรถดับเพลิงจาก อบต.สำโรง และอปท.ในพื้นที่ให้เคียง จำนวน 5 คัน เข้าระงับเหตุ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านของ น.ส.ณัชนันท์ ผาสุข อายุ 42 ปี ลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ใต้ถุนโล่ง ถูกเพลิงลุกไหม้โหมอย่างหนัก เผาวอดทั้งหลัง และยังลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงอีก 2 หลัง เจ้าหน้าที่จึงเร่งฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลานานกว่า 40 นาที เพลิงจึงสงบ จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านของ น.ส.ณัชนันท์ ผาสุข อายุ 42 ปี ซึ่งไม่ได้อยู่บ้านไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร มีเพียง นายปราการ ศรีหะโคตร อายุ 23 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ลูกชาย อาศัยอยู่เพียงลำพัง และไม่ได้อยู่บ้านในขณะเกิดเหตุ ซึ่งขณะเกิดเหตุมีชาวบ้านขับรถผ่านเห็นควันพวยพุ่งออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว แต่พบว่าไม่มีใครอยู่บ้านจึงได้ขับรถมาแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านเพื่อเข้าไปตรวจสอบ กระทั่งพบเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วดังกล่าว โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้นั้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งขระนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ. ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน

Read More

มหาสารคาม (ชมคลิป) วัดป่าวังน้ำเย็นช่วยซื้อมะม่วง 3 ตันจากชาวสวนแจกญาติโยม หลังมะม่วงราคาตกต่ำ

วัดดังใจดีช่วยซื้อมะม่วง3,000 กิโลกรัมจาก ชาวสวนแจกญาติโยม หลังผลผลิตมะม่วงราคาตกต่ำล้นตลาด ขายไม่ได้ราคา ที่วัดป่าวังน้ำเย็น ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม พระครูภาวนาชยานุสิฐ วิ. หรือ หลวงพ่อสุริยันต์ โฆสปญฺโญ ประธานสงฆ์ วัดวัดพุทธวนาราม หรือที่เรียกันติดปากว่าวัดป่าวังน้ำเย็น พร้อมญาติโยม ช่วยเกษตรกรชาวสวนมะม่วงมหาชนก ในพื้นที่อำเภอนาเชือก จ.มหาสารคาม ซื้อมะม่วงน้ำหนัก 3,000 กิโลกรัม แจกจ่ายญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด หลังมะม่วงล้นตลาด ขายไม่ได้ราคา พระครูภาวนาชยานุสิฐ วิ. หรือ หลวงพ่อสุริยันต์ โฆสปัญฺโญ กล่าวว่า มีโยมที่เป็นชาวสวนมะม่วงมหาชนก อ.นาเชือก โทรมาหาหลวงพ่อ บอกว่ามะม่วงปีนี้ขายยาก ขายไม่ออก อยากให้หลวงพ่อช่วยหาคนมาซื้อผลผลิต โดยจะขายกิโลกรัมละ 5 บาท หลวงพ่อก็เลยโทรหาญาติโยม บอกบุญให้มาช่วยซื้อ มีเท่าไหร่ก็ให้เอามาที่วัด ทางชาวสวนก็เลยนำมะม่วงมหาชนกมาขายให้จำนวน 3,000 กิโลกรัม เป็นเงิน 15,000 บาท ซึ่งทราบว่ายังมีเกษตรกรอีกหลายเจ้า ที่อยากจะขายผลผลิต หลวงพ่อก็รับปากว่าจะหาคนมาช่วยซื้อให้ ซึ่งมะม่วงที่ได้มาก็ได้นำมากองไว้ ที่บริเวณด้านหน้าองค์ท้าวเวสสุวรรณ เมื่อมีญาติโยมมาสักการะท้าวเวสสุวรรณแล้ว ก็ได้แจกมะม่วงให้กับชาวบ้านกลับไปกินที่บ้านคนละ2ถุง อย่างสบายใจประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ทั้งนี้ วัดกับบ้านก็ถือว่าเป็นของคู่กัน ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน หลวงพ่อไม่มีปัจจัย แต่ก็แจ้งศรัทธาไปยังญาติโยมให้มาช่วยกัน คนที่พอจะมีก็ได้ช่วยเหลือกันและกัน ทราบว่ายังมีชาวสวนที่อยากจะนำมะม่วงมาขายให้อีกอยู่ ตอนนี้ประมาณ 10 ตัน หลวงพ่อก็จะช่วยไปบอกบุญให้ สิ่งที่หลวงพ่อทำก็ถือเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

Read More

กาฬสินธุ์ (ชมคลิป) สางปัญหาฟาร์มหมูขี้เหม็นขีดเส้นตาย 2 สัปดาห์แก้ไขให้เสร็จ

นายอำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เรียกประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย แก้ไขปัญหาฟาร์มหมูขี้เหม็น สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชุมชนจนเป็นโรคปวดหัวปวดประสาท ก่อนมีมติให้แก้ไข 2 ระยะ คือต้องแก้ไขปัญหาเร่งด่วนภายใน 2 สัปดาห์ และแก้ไขปัญหาทั้งระบบให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน หากไม่เสร็จภายในกำหนด มีบทลงโทษตามกฎหมาย จากกรณีชาวบ้าน 2 ใน ต.สหัสขันธ์ และต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อนสาหัส จากกลิ่นเหม็นของขี้หมู ที่โชยออกมาจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน 16 ฟาร์ม โดยมีผลกระทบจากมลภาวะเป็นพิษทางอากาศ ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวปวดประสาทและเจ็บป่วยด้วยโรคทางลมหายใจ เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบแก้ไข ล่าสุดล่ารายชื่อ และร้องทุกข์กล่าวโทษเอกชนและผู้เลี้ยงหมู ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น ล่าสุดวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอสหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ เป็นประธานประชุมการแก้ปัญหาชาวบ้านได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งปศุสัตว์, ธ.ก.ส., ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สาธารณสุข, อัยการคุ้มครองสิทธิ, โยธาธิการและผังเมือง, กอ.รมน., ตำรวจ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ตัวแทนบริษัทเอกชนที่เข้ามาส่งเสริมชาวบ้านเลี้ยงหมู, ผู้ประกอบการเลี้ยงหมู และชาวบ้านที่เดือดร้อน ร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่เข้มข้นตึงเครียด เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ที่ชาวบ้านต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูดดมกลิ่นเหม็นของขี้หมูแทนอากาศบริสุทธิ์ นายเดือน ไชยสาท อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 บ้านถ้ำปลา หมู่ 3 กล่าวว่า ปัญหาความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขี้หมู เป็นเรื่องหมักหมมมานานเข้าสู่เดือนที่ 3 แล้ว เคยร้องเรียนครั้งแรกกับผู้ใหญ่บ้านและ อบต.สหัสขันธ์เมื่อวันที่ 3 เม.ย.66 การแก้ไขยังไม่มีเลย มีแต่ปลอบใจให้ชาวบ้านว่าใจเย็นๆ ขณะที่กลิ่นเหม็นรุนแรงขึ้นตามลำดับ และสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับตนและเพื่อนบ้านจนปวดหัวปวดประสาทไปตามๆกัน จึงได้ร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภอและแจ้งความที่ สภ.สหัสขันธ์…

Read More

ขอนแก่น (ชมคลิป) หนุ่มกระนวนเลี้ยงตั๊กแตนขาย สร้างรายได้เดือนละหลายหมื่น

หนุ่มวัย 36 ปี ชาวอำเภอกระนวน ศึกษาวิธีการเลี้ยงตั๊กแตนจากโลกออนไลน์ ก่อนจะเริ่มทดลองเพาะเลี้ยงอย่างจริงจัง ผ่านไป 3 เดือน สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน สามารถแยกขายได้ทั้งไข่ของตั๊กแตนเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ราคาขีดละ 1,000 บาท พ่อแม่พันธุ์คู่ละ 15 บาท และขายตัวตั๊กแตนเพื่อนำไปประกอบอาหารกิโลกรัมละ 400 บาท          วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 นายวีระศักดิ์ สีสังข์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านป่าชาติ หมู่ที่ 8 ต.บ้านฝาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น กำลังคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ตั๊กแตน อายุประมาณ 40 วัน ที่เพาะเลี้ยงไว้ภายในฟาร์มของตนเองให้กับกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาจาก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ซึ่งพากันเหมารถตู้เดินทางมาขอซื้อพ่อแม่พันธุ์ตั๊กแตน เพื่อนำไปเลี้ยงขยายพันธุ์ต่อ หลังจากที่ได้เห็นนายวีระศักดิ์ โพสต์ภาพและคลิปวีดีโอการเลี้ยงตั๊กแตน สัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ลงในกลุ่มเฟซบุ๊ก จึงพากันสนใจอยากเพาะเลี้ยงไว้จำหน่าย ซึ่งเจ้าของฟาร์มสามารถจับพ่อแม่พันธุ์ขายให้ได้เพียง 20 คู่เท่านั้น เนื่องจากส่วนที่เหลือต้องเก็บไว้เพาะขยายพันธุ์ต่อ              นายวีระศักดิ์ เล่าว่า ตนเองมีอาชีพหลักคือการทำการเกษตร ก่อนหน้านี้เคยเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดไว้จำหน่าย แต่ก็ต้องหยุดไปเนื่องจากการเลี้ยงจิ้งหรีดมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะหัวอาหาร และราคาซื้อขายจิ้งหรีดเริ่มขยับลง สวนทางกับค่าอาหารที่นำมาเลี้ยง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนหันมาเลี้ยงกันมากขึ้น ตนเองจึงคิดหาสัตว์เศรษฐกิจชนิดอื่นมาเลี้ยง กระทั้งไปพบวิธีการเลี้ยงตั๊กแตนจากโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย ลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถเลี้ยงในระยะยาวได้ ที่สำคัญต้นทุนไม่สูงเหมือนเลี้ยงจิ้งหรีด จึงได้ศึกษาวิธีการเลี้ยงและทดลองเลี้ยง โดยการสั่งไข่ตั๊กแตนมาเพาะเลี้ยงก่อน 1 ขีด เมื่อเห็นว่าเลี้ยงง่ายและดูแลไม่อยาก จึงเพาะขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้น             นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า การเลี้ยงตั๊กแตนใช้ลงทุนไม่มาก เริ่มต้นจากการทำกรงเลี้ยง โดยการนำเหล็กกล่องมาทำเป็นโครงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปูพื้นด้วยแผ่นกระเบื้อง และล้อมด้วยตาข่ายไนลอน ใช้งบเพียง 2,000 บาทก็ทำได้ หรือหากอยากประหยัดก็สามารถใช้ไม้มาทำกรงแทนการใช้เหล็กกล่องก็ได้ ส่วนการเลี้ยงมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก เริ่มจากนำไข่ตั๊กแตนวางไว้ในกรงเลี้ยง 7-10 วัน ก็จะฟักเป็นตัวอ่อน เมื่อตัวอ่อนโตได้ประมาณ 10 วัน ก็ให้นำหญ้าหวานมาวางใส่ในกรง และเมื่อตัวอ่อนโตได้อายุประมาณ 40 วัน ก็จะเริ่มรู้เพศของตั๊กแตน ช่วงนี้สามารถขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ วิธีการสังเกตคือ ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมีย ซึ่งเวลาที่อยู่ในกรงตัวผู้จะขึ้นขี่หลังตัวเมีย นั้นหมายความว่า ตั๊กแตนกำลังผสมพันธุ์กัน และจะวางไข่ในขันพลาสติกที่ใส่ดินที่เราเอาไปวางไว้ ซึ่งเราสามารถนำไข่ของตั๊กแตนที่อยู่ในขันออกไปไว้ในบ่อฟักได้ทุก ๆ 5 วัน โดยพ่อแม่พันธุ์ 1 คู่ สามารถให้ไข่ได้ 3 รอบ คู่ไหนที่เราเห็นว่าเพียงพอกับการให้ไข่แล้ว ก็สามารถนำตัวไปจำหน่ายเพื่อนำไปประกอบอาหารแบบชั่งกิโลขายได้             สำหรับราคาการจำหน่าย แยกเป็น 3 ส่วน คือ ไข่ตั๊กแตนเพื่อนำไปเพาะเลี้ยง ขายในราคาขีดละ 1,000 บาท…

Read More

ขอนแก่น (ชมคลิป) ปลูกฝรั่งแป้นสีทองสร้างอาชีพทำเงิน

สองสามีภรรยาชาวขอนแก่น หันมาปลูกฝรั่งจำหน่าย ควบคู่ไปกับการทำนา มีรายได้ตลอดปีเดือนละ 20,000-50,000 บาท นางแสงจันทร์ แก้วดวงตา เกษตรกรผู้ปลูกฝรั่ง บ้านท่ากระเสริม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กำลังเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตลูกฝรั่งที่แก่เต็มที่ เพื่อนำไปจำหน่ายกับพ่อค้าแม่ค้าที่มารับถึงสวนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะสามารถเก็บฝรั่งขายได้ประมาณ 200-500 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา นางแสงจันทร์ กล่าวว่า ตนเองมีที่ดินอยู่ประมาณ 10 ไร่ โดยยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก เมื่อสิบปีก่อน เห็นคนในหมู่บ้านหันมาปลูกฝรั่งขายสามารถจำหน่ายได้ตลอดทั้งปีและมีรายได้ดี จึงตกลงกันกับสามีปรับที่นาจำนวน 3 ไร่ เป็นแปลงปลูกฝรั่งพันธุ์แป้นสีทอง ในระยะแรกต้องใช้ความอดทนและความเพียรพยายามสูงเพราะฝรั่งกว่าจะให้ผลผลิตได้ต้องใช้ระยะเวลานานร่วมปี ที่สำคัญต้องคอยดูแลเอาใจใส่ทั้งเรื่องระบบน้ำ การใส่ปุ๋ยบำรุงดิน การกำจัดศัตรูพืช การตัดหญ้าดูแลพื้นที่รอบแปลงปลูก แต่ที่นี่นับว่าโชคดีเพราะมีระบบคลองส่งน้ำชลประทานทำให้การจัดการเรื่องน้ำทำได้ง่าย และเมื่อต้นฝรั่งอายุได้ประมาณ 8 เดือน ก็เริ่มออกดอกออกผล จากนั้นนำถุงพลาสติกและกระดาษมาห่อเพื่อป้องกันแมลงและให้ลูกฝรั่งมีสีสวยน่ารับประทาน รออีกประมาณ 2 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตขายได้ นางแสงจันทร์ กล่าวอีกว่า ฝรั่งพันธุ์แป้นสีทองที่ปลูกสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ตลอดทั้งปี มีแค่ช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ที่ผลผลิตออกน้อยหรือไม่มีผลผลิตเลย ส่วนราคาขายก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาถ้าช่วงไหนผลผลิตน้อยราคาก็สูงถึงกิโลกรัมละ 20-30 บาท ส่วนช่วงนี้ผลผลิตออกมาก ราคาฝรั่งจึงตกลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 5-6 บาทเท่านั้น โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับถึงสวน บางส่วนก็นำไปขายเองในหมู่บ้าน หรือตามตลาดชุมชน ทำให้มีรายได้ต่อเดือนอยู่ประมาณ 20,000-50,000 บาท สามารถเลี้ยงคนในครอบครัวและส่งลูกเรียนจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี

Read More

มหาสารคาม-อากาศร้อนจัด ปลากระชังน้ำชีน็อคตายเพียบ

จากอากาศร้อนจัดทะลุ40องศาแล้งส่งผลให้ผู้เลี้ยงปลากระชังริมฝั่งแม่น้ำชีน๊อกน้ำตายเกลื่อน10ตันขาดทุนหลายล้านบาทขณะที่ประมงอำเภอลงพื้นที่เร่งสำรวจให้ความช่วยเหลือพร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรงดเลี้ยงปลากระชังหาหากยังเลี้ยงอยู่ให้เร่งออกจำหน่ายก่อนที่เสี่ยงขาดทุน วันที่ 21 พฤษภาคม2566 เวลา13.00นกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังตามลำน้ำชีในพื้น บ้านกอกหนงบัว ต.หนองบัว อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคามเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากปลานิลที่เลี้ยงไว้ในกระชังทยอยตายแล้วกว่า 10 ตันมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาทค่าสาเหตุเกิดจากอากาศร้อนน้ำในแม่น้ำชีมีน้อยและค่าออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอ เกษตรกรเร่งน้ำนำปลาตายที่น๊อกน้ำเนื่องจากขขาดออกซิจน ขึ้นจากแพประชังขึ้นบนฝั่งโดยใช้ลอกนำปลามากองไว้เร่งนำมาทำปลาร้า นางสาววุฒินี ภู่ระย้า เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง บ้านกอก ตำบลหนองบัว อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองเลี้ยงปลากระชังไว้ทั้งหมด 30 กระชังรวมของผู้เลี้ยงคนอื่นๆในละแวกนี้รวมแล้วก็กว่า 100 กระชัง โดยปลาเริ่มทยอยตายตั้งแต่เมื่อวานนี้ทำให้ต้องเกณฑ์คนมาช่วยกันเอาปลาขึ้นจากน้ำซึ่งปลาที่ลอยขึ้นมาแล้วไม่สามารถขายได้ต้องตัดหัว ขอดเกล็ดควักไส้ ทำความสะอาด โรยเกลือ ทำเป็นปลาร้าเท่านั้น ส่วนปลาที่ยังพอขายได้จากเดิมหากได้จับขายตอนนี้ราคารับซื้อจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 63-65 บาทแต่ก็ต้องจำใจขายไปกิโลกรัมละเพียง 10 บาทเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย เพราะปลาก็ทยอยตายอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นทางผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.หนองบัว และกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาที่ได้รับผลกระทบได้เดินทางไปที่ฝายมหาสารคาม เพื่อขอให้ทางฝายเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้มีน้ำไหล ปลามีออกซิเจนในน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยทางฝายมหาสารคามแจ้งว่า จะเปิดประตูระบายน้ำให้ 5 ซม. แต่ช่วงเย็นก็จะปิดเหมือนเดิม แต่ชาวบ้านอยากให้เปิดตลอดเพราะกว่าน้ำจะมาถึงปลาก็จะยิ่งตายไปเรื่อย ๆ สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ผู้เลี้ยงปลากระชังตลอดลำน้ำชีในพื้นที่ท้ายน้ำอย่างอำเภอกันทรวิชัยและอำเภอเมืองมหาสารคามก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ทั้งนี้ ตนเองลงทุนทั้งค่าอาหารและพันธุ์ปลารวมแล้วกว่า 800,000 บาท ปลากำลังจะจับขายได้ในอีก 1-2 วันนี้แต่ยังไม่ทันได้จับขายก็มาตายเสียก่อนหากจะนับมูลค่าความเสียหายเฉพาะบริเวณนี้หากเสียหายทั้งหมด มีกระชังปลาประมาณ 100 กระชัง แต่ละกระชังลงปลา 600-800 ตัวน้ำหนักที่จะได้ต่อ 1 กระชังจะเท่ากับประมาณ 500-700 กิโลกรัม หากจับขายกิโลกรัมละ 63 บาท จะได้เป็นเงิน 31,500- 44,100 บาทต่อ 1 กระชังบริเวณนี้เลี้ยงปลาประมาณ 100 กระชังมูลค่าความเสียหายจะอยู่ที่ 3,150,000-4,410,000 บาท ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยเหลือตนเอง อย่างกระชังของตนก็ต้องติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำ ต่อท่อ PVC เจาะรู…

Read More

กาฬสินธุ์ (ชมคลิป) เปิดงานบุญบั้งไฟตะไลล้านอลังการยิ่งใหญ่

  จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดงานเทศกาลประเพณีวัฒนธรรมผู้ไทบุญบั้งไฟตะไลล้าน ประจำปี 2566 อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ หนึ่งเดียวในโลก มีการจัดริ้วขวนแห่และขบวนนางรำระยะทาง 3 กม. แสดงอัตลักษณ์วิถีชุมชนชาวผู้ไท ขณะที่ชาวตำบลสำราญ อำเภอสามชัย จัดขบวนแห่บั้งไฟพื้นบ้าน แบบเรียบง่าย พอเพียง เตรียมจุดบูชาพญาแถน สืบสานประเพณีขอฝน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก วันที่ 21 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ทุกตำบล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวผู้ไท ต่างตื่นตัวที่จะเดินทางไปร่วมเปิดงานและร่วมชมขบวนแห่บั้งไฟตะไลล้าน ที่ทาง จ.กาฬสินธุ์ร่วมกับเทศบาลตำบลกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ และหลายภาคส่วน ได้ร่วมกันจัดขึ้น ซึ่งเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ โดยเป็นการจุดบั้งไฟตะไลล้านแห่งเดียวในโลกตามที่ทราบกันดี โดยเฉพาะปีนี้ที่มีบั้งไฟตะไล 10 ล้าน และ 20 ล้านจุดโชว์ จึงพบว่าประชาชนและนักท่องเที่ยว ให้ความสนใจที่จะมาร่วมงานอย่างเนืองแน่น ทั้งนี้ การเปิดงานเทศกาลประเพณีวัฒนธรรมผู้ไทบุญบั้งไฟตะไลล้านเทศบาลตำบลกุดหว้า จัดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดงาน มี ผศ.จุรีรัตน์ กอเจริญยศ นายกเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายวีรดนย์ ศิริ นายอำเภอกุฉินารายณ์ นายแสวง อุทรักษ์ นายกเทศบาลตำบลกุดหว้า พร้อมด้วยส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน นักท่องเที่ยว เยาวชน ร่วมงานเป็นจำนวนมาก นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า งานประเพณีวัฒนธรรมผู้ไท บุญบั้งไฟตะไลล้าน จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีถิ่น วิถีไทย จ.กาฬสินธุ์ สร้างรายได้ให้กับชุมชน…

Read More