สิ้นเกจิดังมหาสารคาม หลวงปู่ขำ เกสาโร มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุ 98 ปี 78 พรรษาศิษยานุศิษย์ต่างต่างเหลื่อมใสเดินทางมาสรงน้ำศพ กราบลาหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้าย

ที่ วัด หนองกุง ต.หนองกุง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม หลังจากพระครูโสภณสราธิการ หรือ หลวงปู่ขำ เกสาโร เจ้าอาวาสวัดหนองแดง เกจิดังของจังหวัดมหาสารคาม มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา ณ โรงพยาบาลมหาสารคาม เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. สิริอายุ 98 ปี 78 พรรษา ก่อนที่คณะศิษยานุศิษย์จะนำร่างหลวงปู่ กลับมาที่วัดในเวลา ประมาณ 11.00 น.
โดยบรรยากาศที่วัดบ้านหนองแดง คณะลูกศิษย์และชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างจัดเตรียมงานพิธีมีการผูกผ้าสีขาวดำที่บริเวณรอบวัด โดยร่างของหลวงปู่ขำ อยู่ภายในศาลาการเปรียญ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้คณะศิษยานุศิษย์ ได้สรงน้ำหลวงปู่ มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ พระลูกศิษย์ที่นับถือ ลูกศิษย์ลูกหา และชาวบ้านที่ทราบข่าวได้เดินทางมาสรงน้ำศพ กราบลาหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้าย
ซึ่งในวันที่ 20 พ.ย.68 จะมีพิธีพระราชทาน้ำหลวงสรงศพ ในเวลา 15.00 น. จะมีพิธีสวดอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน – 20 ธันวาคม 2568 จากนั้นจะมีพิธีบำเพ็ญกุศลสัตตมวาร (ทำบุญ 7 วัน) พิธีปัญญาสมวาร (ทำบุญ 50 วัน) และพิธีสตมวาร (ทำบุญ 100 ปี) โดยจะเก็บร่างของหลวงปู่ไว้อย่างน้อย 1 ปี จากนั้นจะมีการหารือในหมู่คณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ และชาวบ้านบ้านหนองแดงถึงพิธีการในลำดับต่อไป
นายวิชัย จันภักดี ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงปู่ขำ ให้สัมภาษณ์ว่า หลวงปู่ขำ เกิดที่ตำบลหนองกุง บรรพชาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เมื่อถึงอายุ 20 ปี ก็ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านได้ออกธุดงค์ไปหาครูบาอาจารย์ตลอดหลายปี จนกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดบ้านหนองแดงในปี พ.ศ.2513 จนกระทั่งปัจจุบัน โดยบุคลิกเป็นพระเถระที่มีจิตใจดีมีเมตตา ให้ความอุปถัมภ์ อนุเคราะห์ลูกศิษย์ลูกหา ที่มากราบนมัสการที่วัดทุกชนชั้น โดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลวงปู่ให้ความเมตตาทุกคนเท่า ๆ กัน อย่างเสมอภาค ท่านเป็นคนใจดี แต่ไม่ค่อยพูด และที่สำคัญท่านเป็นพระเถระที่ขยันหมั่นเพียร เวลาว่างจะเก็บเศษขยะ ลงกวาดลานวัดเป็นประจำ ผ่านมา 30-40 ปี ท่านก็ยังกวาดลานวัด กระทั่งสังขารไม่เอื้ออำนวย จึงได้หยุดพัก เป็นภาพชินตาที่ลูกศิษย์ลูกหามากราบที่วัด ก็จะได้เห็นวัตรปฏิบัตินี้เป็นประจำ มีเวลาก็จะทบทวนตำรับตำรา ตอนเย็นเจริญพระพุทธมนต์สวดมนต์เย็น ท่านจะเคร่งครัดในธรรมวินัย ด้วยความสมถะเรียบง่ายเป็นกันเอง ท่านจึงมีลูกศิษย์ลูกหามาก เป็นพระที่ไม่ดูดวง ลูกศิษย์ที่มาหาก็จะให้ท่านประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล มากราบมาไหว้แล้วสบายใจ ด้วยวัตรปฏิบัติของท่านก็ทำให้เป็นศรัทธาของชาวบ้าน ล่าสุดเมื่อ เดือนพฤษภาคม 68 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเดินทางมาเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธสิริเกษตรและทรงเททองหล่อพระเกศ โดยมีพิธีสมโภชเมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่พระอุโบสถหลังใหม่ 
ประวัติหลวงปู่ขำ เกสาโร มีนามเดิมว่า นายขำ ธรรมดา เกิดเมื่อปี พ.ศ.2471 ที่ บ้านหนองแดง ต.หนองกุง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม บรรณชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ.2492 เข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดบ้านค้อธิ โดยมี หลวงปู่รอด พรมสโร วัดหนองกุง อ.นาเชือก เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาวิทยาคมจาก หลวงปู่เนาว์ ยโสธโร วัดหนองแดง อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านสรรพวิชาอาคมต่างๆ และถ่ายทอดสรรพวิชาให้ หลวงปู่ขำ จนหมดสิ้น
เป็นพระที่เคร่งครัดในธรรมวินัย หลังออกพรรษาชมชอบออกไปธุดงค์ยังสถานที่ต่างๆ ตามป่าเขาในเขตพื้นที่ภาคอีสาน และบางปีขึ้นไปไกลถึง เขตอำเภอบางมูลนาก จ.พิจิตร พ.ศ.2501-03 มีโอกาสเข้ากราบนมัสการและฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่เขียน พระเกจิชื่อดัง แห่งวัดถ้ำขุนเณร
ต่อมาธุดงค์กลับมายังทางภาคอีสาน จำพรรษาที่วัดโนนสว่าง อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี เป็นระยะเวลากว่า 7 พรรษา จนถึงปี พ.ศ.2512 หลวงปู่เนาว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองแดง ซึ่งเป็นบูรพาจารย์ของท่านอาพาธหนักและก่อนมรณภาพได้สั่งให้ไปนิมนต์ท่านกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านหนองแดง ซึ่งหลวงปู่ขำ ก็รับนิมนต์กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ตราบจนปัจจุบัน หลวงปู่ขำเป็นพระเถระที่อายุพรรษาสูงที่สุดในคณะสงฆ์ของเมืองมหาสารคาม เป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติดี
สำหรับวัดหนองแดง ถึงจะเป็นวัดที่เก่าแก่สร้างขึ้นพร้อมกับการตั้งชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ.2470 แต่ยังคงเป็นวัดที่อยู่ในช่วงกำลังพัฒนา เสนาสนะยังมีไม่ครบ ท่านจึงร่วมแรงร่วมใจกับพุทธศาสนิกชน รวมทั้งคณะศิษยานุศิษย์พัฒนาวัดหนองแดง จนเจริญรุ่งเรือง อาทิ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง ประตูโขง พระมหาเจดีย์ เป็นต้น
ตลอดเวลาที่จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดแห่งนี้ ด้วยความที่เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเสมอต้นเสมอปลาย ทำให้ชื่อเสียง ของท่านเริ่มเป็นที่รู้จัก ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่เข้มขลัง เสริมความเป็นสิริมงคลกับท่านอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งหลวงปู่เคยพูดกับลูกศิษย์ และญาติโยมว่าจะอุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาไปจนกว่าธาตุขันธ์จะแตกดับ
ในประเทศ