“แม่น้องชมพู่” มารดาของเด็กหญิงที่ถูกพบเป็นศพบนภูเขาบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร เมื่อปี 2563 เดินทางมาพร้อมทนายที่ปรึกษา หอบหลักฐานเข้าร้องทุกข์กับอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค4 ให้ตรวจสอบ “ยูทูปเบอร์” อดีตคนใกล้ชิด “ลุงพล” หลังมีการไลฟ์สดเปิดเผยผลคำตัดสินในคดีน้องชมพู่ ที่จะมีการตัดสินในชั้นอุทธรณ์ในเดือน ส.ค.นี้ โดยฟันธงว่า ศาลจะตัดสินยกฟ้อง ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล

9 ก.ค.68 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น น.ส.พชรมน พชรภัสส์ หรือ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา (ชื่อ-นามสกุลเดิม) แม่ของด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ที่ถูกพบเป็นศพบนภูเขาในพื้นที่ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อปี 2563 พร้อมด้วย นายสมเกียรติ์ โรจนวรกมล ทนายที่ปรึกษา นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายและคลิปวีดีโอที่นายชัยธนา หรือ “นที” ยูทูปเบอร์อดีตคนใกล้ชิดของ “ลุงพล” ได้มีการไลฟ์สดผ่านช่องยูทูป ชื่อ “ข้อยบอกเจ้าแล้ว” โดยได้เผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ เนื้อหาเกี่ยวกับการชี้นำให้สาธารณชน รับทราบถึงคำตัดสินคดีของน้องชมพู่ ที่จะมีการนัดฟังคำตัดสินในชั้นอุทธรณ์ ในวันที่ 13 ส.ค.68 นี้ ว่า ศาลอุทธรณ์จะมีคำตัดสินยกฟ้อง ทำให้ น.ส.พชรมน แม่น้องชมพู่ ในฐานะโจทก์ เกิดความกังวลใจว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่า ยูทูปเบอร์คนดังกล่าว รับรู้ผลคำตัดสินก่อนที่ศาลจะนัดฟังคำตัดสินได้อย่างไร และการไลฟ์สดเผยแพร่ในลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ จึงได้นำหลักฐานพร้อมเอกสารคำร้องเข้ายื่นต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค4 ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว

นายสมเกียรติ์ โรจนวรกมล ทนายที่ปรึกษาของแม่น้องชมพู่ (ทนายความในคดีอื่น) กล่าวว่า วันนี้ตนเอง ในฐานะทนายที่ปรึกษา และแม่น้องชมพู่ ได้มานำเรียนต่อศาลและขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายชัยธนา เจ้าของช่องยูทูป ชื่อ “ข้อยบอกเจ้าแล้ว” อดีตยูทูปเบอร์คนใกล้ชิตนายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยในคดีฆาตกรรมน้องชมพู่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอฟังคำพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในวันที่ 13 ส.ค.68 นี้ โดยนายชัยธนา ได้มีการไลฟ์สดผ่านทางช่องยูทูปช่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา ระบุว่า คดีที่จำเลยทั้งสองตกเป็นจำเลยร่วมกันในคดีฆาตกรรมน้องชมพู่ โดยอ้างว่าได้มีผู้ใหญ่ให้ข้อมูลแบบฟันธงว่าคดีนี้ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งจะมีการอ่านคำพิพากษานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค4 ได้มีธงคำตอบว่า ยกฟ้องอย่างแน่นอน โดยได้มีการอ้างแหล่งข่าวข้อมูลอีกว่า ตนเองได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวจากผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี จนทำให้พี่น้องประชาชนและ/หรือ ผู้เสียหายในคดี เกิดความสงสัย และเชื่อว่าคดีดังกล่าวนี้ได้ถูกแทรกแซง หรือ มีการกระทำใด ๆ อันมิชอบด้วยกฎหมายในการก้าวก่ายในกระบวนการยุติธรรม หรือ ดูหมิ่นศาล หรือ ละเมิดอำนาจศาลจนทำให้น้องชมพู่ และมารดา ได้รับความเสียหาย และไม่ได้รับความความเป็นธรรม

นายสมเกียรติ์ กล่าวต่อว่า เจ้าของช่องยูทูบดังกล่าว ได้มีการไลฟ์สดในหัวข้อเรื่องว่า “ข่าวดีสุด ๆ ผู้ใหญ่คนหนึ่งได้ออกมาบอกว่า คนส่งพระชั้นอุทธรณ์มีโอกาส” ในขณะขับรถยนต์โดยอ้างว่า ตนเองได้มีการพูดคุยกับอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับคดีคดีฆาตกรรม ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา (น้องชมพู่) โดยอ้างว่า ในกรณีที่ศาลชั้นต้นได้มีการลงโทษจำเลย คือ นายไชย์พล วิภา นั้น มีการลงโทษนายไชย์พล จำเลย ตามพยานหลักฐานเรื่องเส้นผมของ น้องชมพู่ ผู้เสียชีวิต แต่ก็มีผู้เห็นแย้งสองคนบางประเด็น โดยนายชัยธนา ได้อ้างว่าได้ถามท่านผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาว่า ในชั้นอุทธรณ์มีกี่เปอร์เซ็นที่จะยกหรือจะลง หรือ จะยืนหรือจะยก ซึ่งนายชัยธนา อ้างว่าอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวได้ให้ความเห็นว่า คดีนี้ธงมันมาอย่างนี้อยู่แล้วว่ายืนอยู่แล้ว และคดีนี้จะมีการสู้กันถึงศาลฎีกา แต่สุดท้ายได้ไลฟ์สดมาจนถึงนาทีที่ 2.59 ถึงนาทีที่ 5.00 นายชัยธนา กลับได้ไลฟ์สดให้ข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่า ธงในอุทธรณ์นั้นเขายกอยู่แล้ว ยกมาตั้งแต่..และบอกว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไร โดยมีการ กล่าวอ้างถึงผู้ใหญ่ ซึ่งมีการระบุว่าเป็นอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว นอกจากนั้นยังมีการระบุว่าในชั้นอุทธรณ์หากทีมงานทนายเขียนดี ๆ ก็มีโอกาสที่จะยกสูง แต่ว่าอย่างไรก็ตามในส่วนชั้นอุทธรณ์มันมีธงยกไว้แล้ว

ขณะที่ น.ส.พชรมน แม่ของน้องชมพู่ กล่าวว่า ตนเองยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเสมอ แต่สิ่งที่นายชัยธนา ได้ไลฟ์สดในลักษณะเนื้อหาดังกล่าวนั้น ก็ทำให้ตนเอง และประชาชนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ว่า คดีฆาตกรรมน้องชมพู่ ซึ่งปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างรอฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 เกิดความวิตก สงสัยและเชื่อว่าคดีดังกล่าวได้ถูกแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือ มีการดำเนินกระทำใด ๆ อันมิชอบด้วยกฎหมายในก้าวก่ายในกระบวนการยุติธรรม และการกระทำของนายชัยธนา เข้าข่ายดูหมิ่นศาล หรือ ละเมิดอำนาจศาล หรือไม่ พี่น้องประชาชนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวทั่วประเทศและทั่วโลกอาจเกิดความเสื่อมศรัทธาและอาจขาดความเชื่อถือต่อระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย โดยเฉพาะศาลอุทธรณ์ภาค 4 การกระทำดังกล่าว อาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ศาลอุทธรณ์ภาค4 ได้ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมได้
ทั้งนี้ เนื่องจากนายชัยธนา เป็นอดีตคนใกล้ชิตกับนายไชย์พล วิภา และนางสมพร หลาบโพธิ์ จำเลยในคดีนี้ ซึ่งนายชัยธนา มีผู้ติดตามมากถึง 7.76 หมื่นคน ในการไลฟ์สดมีผู้เข้าชมนับพัน ๆ คน โดยมีผู้ที่เป็นแฟนคลับของนายชัยธนา นายไชย์พล และนางสมพร เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงเชื่อถือการไลฟ์สดของนายชัยธนา จำนวนมาก โดยให้ความเชื่อถือในเรื่องที่มีการไลฟ์สดว่าศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีธงว่ายกฟ้องจำเลย หรือ มีคำพิพากษาไว้แล้วว่าจะยกฟ้องจำเลยคือนายไชย์พล วิภา จำเลยในคดีนี้ ตามที่ปรากฏในคลิปที่ วันนี้จึงมีความประสงค์ที่จะขอให้ท่านอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้โปรดทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยและหากพบว่ามีนายชัยธนา ได้กระทำการอันเข้าข่ายเป็นความผิดต่อกฎหมาย ดูหมิ่น หรือ ละเมิดอำนาจศาลแล้ว ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้โปรดพิจารณาดำเนินการเอาผิดกับนายชัยธนา หรือบุคคลที่เกี่ยวทั้งทั้งหมดด้วย.
ทีมข่าวอีสานเดลี่ออนไลน์ ประจำจังหวัดขอนแก่น / รายงาน
ในประเทศ